Wine yard (Sebastian Stand)

กลับมาเเต่งเรื่องเดิม ดีกว่า the Haunted ตอนนี้เป็นตอนของ Sebastian Stan

 

 

Wine yard (Sebastian Stand)

 

 

 

พอหลังกลับจากเรียนมหาวิทยาลัย ฟิลิป เเม็คอะวอย ฟาสเบนเดอร์ ตัดสินใจ พาพวกเราไป บ้านคฤหาสถ์หลังหนึ่ง ที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านเเห่งนี้ ภายนอกบ้านมี คอกม้าที่ทำจากไม้ เเละมีสนามพลังลึกลับ ปกคลุมอยู่ล้อมรอบ ม้าที่นี้เป็นม้าตัวสีดำ เเละมีดวงตาสีเเดงก่ำราวกับสีโลหิต ที่บ้านคฤหาสถ์หลังนี้มีสีดำ ทั้งหลัง เเละมีสุสาน อยู่ทางด้านหลังบ้าน หน้าประตู มีกากอลย์สองตัว ดวงตาของพวกมันเป็นเเสงลึกลับสีเเดง บิดาของฟีลิป เป็นทูตนรก มารดาเป็นเทพเเฟร์รี่ เขาเกิดปี 1780 ครอบครัวของฟิลิป ทำธุรกิจ ผลิตไวน์องุ่น สีเเดงที่ปลูกทับสุสานคนตาย ซึ่งมันจะทำให้องุ่นมีรสหวานกลมกล่อม นุ่มลิ้น ใครที่ได้มีโอกาสจิบไวน์องุ่นรสเลิศ ปุ๊บ เขาจะไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้ พวกคนเหล่านี้จะต้องรีบควักกระเป๋าสตางค์ ซื้อไวน์ทันที เเถมมันยังไม่มีวันหมดอายุอีกต่างหาก

 

 

 

 

ระหว่างทางฉันเริ่มรู้สึกถึงอาการคลื่นเหียน ภายใน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่ปรกติ ฉันไม่เคยรู้สึกเมารถ พวกเราสามารถเดินทางไกล ไปไหนต่อไหนได้ โดยที่ไม่รู้สึกมึนหัว เเต่มาคราวนี้ฉันเริ่มรู้สึกเเปลกๆ

 

 

 

 

 

“นี่คริส เลิกขับรถคดเคี้ยวไปมาเป็นงูได้มั๊ย มันทำให้ฉันรู้สึกคลื่นใส้” ฉันเอ่ยขึ้น พร้อมกับ ขมวดคิ้ว เเละย่นจมูก พยายามที่จะฝืนอาการคลื่นเหียน พะอืดพะอม อาหารเที่ยงที่อยู่ในกระเพาะของฉัน เริ่มค่อยๆทยอยตีขึ้นมาจากกระเพาะ

 

 

 

 

 

“ก็ได้ ก็ได้ เซบัสเตียน โทษที รถคันนี้ฉันเพิ่งได้มาใหม่ กว่าจะเก็บเงินซื้อได้ ไม่ง่ายเลยนะรู้เปล่า ฉันต้องทำงานที่ร้านคาเฟ่ ใกล้บ้าน เหนื่อยเเทบตาย” คริส อีเเวนส์​ยังคงบ่น ต่อไป ขณะที่กำลังขับรถ “ฟิลิป พ่อเเม่นายทำอาชีพขายไวน์องุ่นจริงเหรอ หรือว่าทำอาชีพอย่างอื่นด้วยน่ะ หืม”

 

 

 

 

 

 

“นั่นฉันคงบอกอะไรมากไม่ได้หรอกนะ แต่เท่าที่รู้คือไวน์องุ่นของพ่อฉัน ไม่ค่อยเหมือนกับของที่อื่น” ฟิลิปเอ่ยขึ้น

 

 

 

 

“ว้า ดูท่าจะน่าสนใจดีนะ ฟิลิป เเล้วเเม่นายล่ะ”

 

 

 

 

“เเม่ฉันมักจะอยู่ในสวน หรือไม่ก็อยู่บ้าน พ่อฉันค่อนข้างจะรักเเม่มาก”

 

 

 

 

“พ่อเเม่นาย ใช่ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ กับ เจมส์​ แม็คอะวอยป่ะ ได้ยินชาวบ้าน เเถวนี้มักจะพูดคุยกันบ่อยๆ อีกอย่างพวกเขาค่อนข้างจะกลัวพ่อนาย” คริส อีเเวนส์ ถามฟิลิป

 

 

 

 

 

“ใช่ พวกเขากลัวพ่อฉัน ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เเม้เเต่เด็กนักเรียนที่มหาลัย ไม่มีใครกล้ารังเเกฉัน พ่อฉันอาจดูเหมือนคนใจดี เเต่จริงๆเเล้วเนี่ย นายยังไม่รู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ตอนที่เขาโกรธ”

 

 

 

 

 

“เเล้วลีล่ะ เซบัสเตียน ช่วงนี้เขาไม่ได้เข้าเรียนที่มหาลัย มาหลายวันเเล้วนะ” คริส หันมาถามฉัน เนื่องจากฉันกับลี เป็นเพื่อนสนิท ที่ซี้ปึ๊ก ยังกับอะไรเเน่ะ เวลากลับบ้าน มักจะกลับด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา

 

 

 

“คริส สัญญาได้มั๊ยว่าถ้าฉันบอกนายเเล้ว นายจะไม่ร้องตะโกนเสียงดัง” ฉันหันมาถามคริส พยายามจะฝืนอาการ คลื่นเหียน ภายใน สีหน้าของฉันเริ่มดูไม่ค่อยดี มากเท่าไหร่

 

 

 

 

“ได้สิ เซบัสเตียน เกิดอะไรขึ้นกับลีกันเเน่ล่ะ”

 

 

 

 

“คือว่า เมื่อวานนี้ ลีโทรมาบอกฉัน ว่าเขาท้อง”

 

 

 

 

 

“หา อะไรนะ ลีเนี่ยนะ ท้อง?” คริส อีเเวนส์​ เลียม เฮมส์เวิร์ด กับฟิลิป พูดประสานเสียง พร้อมกัน

 

 

 

 

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นเขาจะโทรมาเเจ้ง ลาหยุด เรียนกับฉันทำไมกัน ทั้งที่ปรกติเขาไม่ค่อยจะป่วยง่ายขนาดนี้ อืม ขอโทษทีนะ ฉันพูดมากไม่ค่อยได้ เดี๋ยวจะ อืม” ฉันกลึนน้ำลายไปพูดไปด้วย พยายามที่จะสูดลมหายใจให้เข้าปอด ตายเเล้ว นี่ฉันคงจะไม่ได้เป็นเหมือนลีอีกคนนึงนะ

 

 

 

 

 

*

 

 

 

 

พอคริส อีเเวนส์ ขับรถมาจอดถึงหน้าบ้าน คฤหาสถ์หลังหนึ่ง ภายนอกมีเจ้ากากอลย์ สองตัว ที่มีใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ดวงตาเป็นไฟสีเเดงสว่าง จ้าตอนกลางคืน เวลากลางวันจะดูปรกติ ธรรมดาๆ เเต่ตอนกลางคืน มันจะทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศ ชวนขนหัวลุก และเเล้วประตูบ้านเปิดเอง อัตโนมัติ ราวกับรู้ว่า มีเเขกเดินเข้ามาในบ้าน ข้างล่างมีควันประหลาด สีเขียว บ้านคฤหาสถ์หลังนี้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย เหมือนเดินเข้ามาในบ้านผีสิง เเต่ทว่าภายในกลับดูหรูหรา เหมือนอยู่ในพระราชวัง ทันใดนั้นเอง เจ้าเเฟรงเกนสไตน์ ซึ่งเป็นพ่อบ้าน ในคฤหาสถ์หลังนี้ ได้พาพวกเรา เดินทัวร์รอบบ้าน เพื่อรอเจ้าของบ้าน ฉันยืนจ้องมองดู ภาพวาดคลาสิคที่เเขวนอยู่บนฝาผนัง เเละมีโคมไฟเล็กๆ ฉายอยู่บน ภาพวาดคลาสิค เหล่านั้น ชายหนุ่มในรูปภาพคลาสิค แต่ละภาพเป็นคนเดียวกัน มีมาตั้งเเต่สมัยยุคทิวดอร์ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเจ้าของบ้าน ได้อ้างว่า เป็นบรรพบุรุษของเขา ทั้งที่จริงๆ ก็คือตัวเขาเอง นั่นเเหล่ะ

 

 

 

 

 

“นั่นพ่อเเม่ของฉันเอง” ฟิลิปเอยขึ้น เขาสามารถอ่านใจฉันได้ โดยที่ฉันไม่ได้เอยปากพูดอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ

 

 

 

 

 

“พ่อเเม่ของนาย?”

 

 

 

 

 

 

“ใช่ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ กับ เจมส์ เเม็คอะวอย พ่อเเม่ของฉันเอง” ฟิลิปพูดไป พร้อมกับชี้ให้ฉันดู ว่าใครเป็นใคร ฉันมองดู ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ดวงตาของเขาที่ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา กลับดูเหมือนกับดวงตาเเมว เเละข้างหลังของเขา มีปีกค้างคาว แต่พอฉันหันไปมองอีกรอบหนึ่ง เป็นเเค่ภาพวาดปรกติ ไม่มีอะไร เเต่พอมองดูชายหนุ่มร่างเล็กอีกคน ที่ยืนใกล้ๆไมเคิล เขากลับมีออร่า เเสงสีเขียวอ่อนสว่าง ทำให้ฉันรู้ว่าเขาเป็น เเฟร์รี่ เขามีนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล กับผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม ครั้งเเรกที่ฟิลิปพาพวกเรา เข้ามาในบ้านคฤหาสถ์หลังนี้ ไม่ใช่เเค่มาติวหนังสือ ก่อนสอบอย่างเดียว เขายังชวนพวกเรา มาดูสวนองุ่น ทำไวน์ ที่ปลูกอยู่ทางด้านหลังบ้าน องุ่นเป็นพันธ์ไม้เลื้อยที่พันล้อมรอบ ไม้ที่ปักอยู่บนพื้นดิน ด้านหลัง มีโรงงานผลิตไวน์ คริส อีเเวนส์ มักจะมาเดินเล่นเเถวนี้บ่อยๆ สาเหตุคงไม่ใช่เพราะติดใจรสชาติไวน์ เเต่เพราะว่าเขาอยากเจอ เเฟร์รี่หนุ่มชาวสก็อต

 

 

 

 

“เซบัสเตียน นายไม่เป็นไรนะ” เลียมถามฉัน ด้วยความเป็นห่วง

 

 

 

 

 

“ฉันไม่เป็นไรหรอกเลียม ขอบคุณนะ” ฉันหันไปพูดคุยกับเลียม เเต่ทว่า คริส อีเเวนส์ เริ่มหันมามองหน้าฉัน ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ที่ฉันไปสนิทสนมกับเลียม เฮมส์เวิร์ด มากเกินไป แต่ขอโทษทีเถอะนะ เลียม กับ ฉัน เราเป็นเเค่เพื่อนสนิทกัน อีกอย่าง ตอนนี้เลียม เริ่มจะหลงเสน่ห์​ฟิลิป เด็กหนุ่มหน้าสวย ชาวเยอร์มัน ระหว่างทางมีเหล่าคนงาน เก็บองุ่น ในสวน ใส่ลงในตะกร้า เพื่อเตรียมเอาเข้าโรงงานผลิตไวน์ หลังจากนั้น ฟิลิปพาพวกเรา เข้าไปข้างในบ้านคฤหาสถ์หลังใหญ่ สไตล์ยุโรป ที่นั่งบาร์ ภายในเป็นพื้นหินอ่อน กับมีเก้าอี้นั่งอยู่ติดกับโต๊ะ ข้างหลังมีเเก้วเหล้า หลากหลายชนิด มีทั้ง วิสกี้ ว็อดก้า ไวน์ เเละเเก้วไวน์ วางอยู่ที่ชั้นวางเเก้ว ทันใดนั้นเอง ฉันเห็นเด็กหนุ่มหน้าสวย ร่างเล็ก นั่งจิบไวน์ ด้วยกันกับ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ อีกคน พวกเขาสวมชุดสูท เเบบสุภาพบุรุษ คนหนึ่งมีลำเเสงออร่า สว่างๆ อยู่ในตัว กับมีใบหูรูปทรงใบไม้ แต่อีกคนมีดวงตาเหมือนตางู เเละมีปีกค้างคาวอยู่ข้างหลัง นั่นคือร่างจริงของไมเคิล แต่พอฉันสลัดหัวไปมา เเล้วหันมามองอีกครั้ง ภาพพวกนี้ก็หายไป

 

 

 

 

 

“อ้าว ฟิลิป ชวนเพื่อนมาไม่เห็นบอกพ่อเลย” ไมเคิลเอยขึ้น ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เหมือนกับว่า ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะต้อนรับเเขก

 

 

 

 

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ผมเเค่จะชวนเขามา เที่ยวที่บ้าน”

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรากำลังจะกลับกันเเล้วล่ะ” ฉันรีบปฏิเสธทันที เพราะเริ่มรู้สึกถึง ความอึดอัด อยู่รอบด้าน

 

 

 

 

“อ้าว ทำไมถึงอยู่ดีๆจะรีบกลับล่ะ เข้ามานั่งด้วยกัน ที่ห้องรับเเขกด้วยกันสิ ช่วงนี้ฉัน ว่าง” ไมเคิลยังคงพยายามจะเอยชวนพวกเรา “เป็นไรเปล่า เซบัสเตียน”

 

 

 

 

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันเเค่รู้สึกมึนหัวนิดๆ” ฉันรีบปฏิเสธไปทันที ทั้งที่ตอนนี้เขารู้ว่า สีหน้าของฉันดูไม่ค่อยสบาย

 

 

 

 

 

*

 

 

 

 

ฉันนั่งมองดู เพื่อนๆ นั่งจิบไวน์องุ่น ฉันก็เหมือนกัน ทั้งที่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ฉันถึงรู้สึกไม่สบาย อาจเป็นเพราะวันก่อน ฉันโดนวางยา ในงานเลี้ยงปาร์ตี้ ที่มหาวิทยาลัย ตอนที่ไปด้วยกันกับ คริส อีเเวนส์​ เลียม เฮมส์เวิร์ด ด้วยกัน สามคน เเละฉันก็ได้เสียกันกับ คริส อีเเวนส์ ในห้องพัก ของนักศึกษา ขากลับ คริส อีเเวนส์พาฉันกลับไปที่บ้านคฤหาสถ์ ของพ่อฉัน เเฟรง กิลโล ตอนนั้น พ่อของฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี เขาถามฉันว่าเมื่อวานหายไปไหนทั้งวัน แอบไปค้างที่บ้านเพื่อนที่ไหนมา เขาค่อนข้างจะทั้งรักทั้งหวงฉัน ราวกับไข่ในหิน ตั้งเเต่ตอนที่เเม่ของฉันเสียไป จากอุบัติเหตุ แต่ตอนนั้นฉันไม่ยอมพูดจาอะไรออกมา เพราะฉันรู้ว่าต่อให้พูดเเก้ตัวยังไง พ่อก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี

 

 

 

 

และตอนนั้น ก่อนกลับถึงบ้าน ฉันเเวะไปที่ร้านขายยา เพื่อหยิบปรอทตรวจ ทดสอบ สำหรับคนที่สงสัยว่าตัวเอง ตั้งครรภ์หรือไม่ ก่อนจะจ่ายตังค์ ที่เเคชเชียร์ ตอนที่พวกเราเเวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ส่วน เลียม เฮมส์เวิร์ด กับ คริส อีเเวนส์​เเวะซื้อพวก ขนมขบเคี้ยว ติดไม้ติดมือ มาจากร้านสะดวกซื้อ หลังจากนั้นค่อยขับรถออกจากที่นั่น

 

 

 

 

 

*

 

 

พอกลับถึงบ้าน ฉันรีบเดินเข้าไปที่ห้องนอนของฉัน เเละหยิบกล่องปรอททดสอบครรภ์ เพื่อเช็คดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันได้อ่านดูขั้นตอนการใช้ มันค่อนข้างจะไร้สาระถ้าจะให้ฉัน ฉี่ใส่เจ้าเเท่งประหลาด สีขาว นี่ เเต่เอาไงเอากันล่ะวะ ฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันเเน่ ขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่บนโถส้วม จ้องมองดูเจ้าเเท่งเล็กๆ สีขาวๆ ในมือ มันเริ่มมีขีดหนึ่งขีด ฉันถอนหายใจ อ่า ค่อยยังชั่ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเต่ทว่านี่ต้องใช้เวลา สามนาที เพื่อที่จะเห็นผล แต่เเล้ว ก็มีเส้นอีกขีด สีชมพู ปรากฏมาอีก โอยตายเเล้ว ฉันจะเป็นลม มันเริ่มปรากฏออกมา เป็นสองขีด อยู่ตรงกลาง ฉันรีบสลัดมัน เเต่ไม่ว่าจะพยายามยังไง ผลลัพมันก็เหมือนเดิม งั้นเป็นอันว่า ฉันไม่ได้เมารถ เเต่ฉันท้องเหรอ เเล้วอย่างนี้ ฉันจะไปบอกพ่อฉันยังไงดี

 

 

 

 

 

วันนั้น ฉันรีบโทรหาลีทันที เเละเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง ด้วยความตกใจกลัว ลีกลับบอกให้ฉันใจเย็นๆ เเต่ทำไงได้วะ พ่อฉันจะให้ฉันเอาเด็กออกหรือเปล่า ฉันไม่อยากจะคิดถึงมันเลย เเละฉันก็ไม่พร้อมที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคริส อีเเวนส์ด้วย

 

 

 

 

“นายเพิ่งรู้เหรอ เซบัสเตียน” ลีถามฉัน น้ำเสียงของเขา ค่อนข้างจะเป็นกังวล เเละเป็นห่วง “เเล้ว คริส อีเเวนส์ รู้รึยัง”

 

 

“ฉันไม่กล้าบอกเขาหรอกนะ ลี ฉันกลัว”​

 

 

 

 

“ไม่มีเรื่องอะไรน่าเป็นห่วงหรอกน่า เซบัสเตียน อย่าคิดมากเลย ถ้าพ่อนาย กับ เเฟนนายไม่เลี้ยง ฉันเลี้ยงให้ก็ได้นะ”

 

 

 

“แต่ฉันคิดว่า ฉันไม่เเน่ใจเหมือนกัน พรุ่งนี้ฉันอยากจะไปหาหมอ ตรวจร่างกายอีกครั้งนึง ไม่เเน่เจ้าเเท่งปรอทนี่ อาจตรวจผิดพลาดก็ได้ ใครจะไปรู้”

 

 

 

 

“เเล้วเมื่อตอนเช้า นายมีอาการ คลื่นใส้ อาเจียน ทุกๆ หกโมงเปล่า”

 

 

 

 

ฉันนั่งคิดอยู่นาน กว่าจะตอบออกไปว่า “ใช่ แต่มันเพิ่งเกิดขึ้น เมื่อไม่กี่วัน หลังจากงานปาร์ตี้ที่ มหาวิทยาลัย”

 

 

 

 

“งั้นนายจะให้ฉัน โทรนัดหมอ ทอม ฮิดเดลสตันมั๊ย เพื่อความเเน่ใจ ฉันจะได้โทรไปบอกเขา ล่วงหน้า”

 

“ก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณมากนะลี นายเป็นเพื่อนสนิทที่ดี ที่สุดสำหรับฉัน”

 

 

 

 

 

 

Unnamed drug (Chris Evan)

ตอนนี้จะเป็นตอนที่ Sebastian Stan ถูกวางยา ในงานปาร์ตี้ ที่มหาลัย เเล้วได้เสียกันกับ Chris Evan ในห้องพักของ Chris Evan ที่หอพักนักศึกษา

 

Unnamed drug (Chris Evan)

 

 

 

 

วันนี้เป็นอีกวัน ที่ผม เซบัสเตียน เเสตน กับ เลียม เฮมส์เวิร์ดได้ถูกเชิญให้เข้ามาในงานปาร์ตี้ ของนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเเห่งนี้ ซึ่งเป็นคณะของศิลปศาสตร์ ภายในงานปาร์ตี้มีโต๊ะปิงปอง กับมีเเก้วพลาสติคที่มีน้ำอดลมเทอยู่ข้างใน เเละมีนักศึกษาคนอื่นๆ กำลังเล่นโยนลูกปิงปองให้หล่นลงในเเก้ว เเละมีเสียงนักดนตรี ร้องเพลงร็อค เเอน โรล บนเวที และมีนักศึกษาบางคน กำลังดื่มเบียร์จากถัง เเละมีเพื่อนๆหลายคนยืนเชียร์กันเป็นกลุ่ม ผมกับเพื่อนอีกกลุ่ม กำลังวางเเผนทำอะไรพิเรนพิเรน ด้วยการวางเเผนว่า ผมจะต้องดื่มเหล้าจนเมาเละเทะ ส่วน เซบัสเตียน จะดื่มเเล้วเมาจนเดินไม่ไหวต้องให้คน มาช่วยพยุง ตอนเเรกพวกเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ก็เเค่เล่นอะไรสนุกๆ ตามภาษาเด็กมหาลัย ที่นี่มีเครื่องดื่ม น้ำอดลม เเละบางครั้งมี ค็อคเทล ผสมกับเเอลกอฮอล อย่างมาร์ตินี่ เบียร์ บลัดดี้เเมรี่

 

 

 

 

 

 

ตอนนั้นผมหยิบเเก้วเครื่องดื่มค็อคเทล สองเเก้ว เเก้วหนึ่งสำหรับผม ส่วนอีกเเก้ว ให้เซบัสเตียน ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเครื่องดื่มของเซบัสเตียน เเสตน มีใครบางคน เเอบวางยาเข้าไป ผมเเค่หยิบมาให้เขาด้วยความหวังดี เเล้วเซบัสเตียนรีบหยิบเเก้วไปจากมือของผม พร้อมกับยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเกลี้ยง ส่วนผมกับเพื่อนๆ ก็ยังเฮฮาปาร์ตี้ไปตามภาษาเด็กมหาลัยต่อ ผมได้เล่นเกมส์ โยนปิงปอง ให้หล่นลงในเเก้วเปล่า เเละผมก็สามารถทำได้ ผมกับเลียม ตีมือ ไฮไฟฟ์กัน เมื่อเจ้าลูกปิงปอง หล่นลงในเเก้วพลาสติค ผมหันไปมอง เซบัสเตียน ครั้งเเรกที่เขาดื่มเครื่องดื่มที่ผมยื่นให้ เขายังดูปรกติดีหมดทุกอย่าง เเต่คราวนี้ เซบัสเตียน เริ่มมีอาการมึนศีรษะนิดๆ เขาใช้มือนวดขมับ เพื่อไล่อาการมึนเมาออกจากไป

 

 

 

 

 

 

“เซบัสเตียน เป็นไรเปล่า” ผมรีบเดินเข้าไปใกล้ เซบัสเตียน ด้วยความเป็นห่วง

 

 

 

 

 

 

 

“คริส ฉันรู้สึกเเปลกๆ มึนหัวนิดๆ” เซบัสเตียนพูด ด้วยน้ำเสียงเเปลกๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

“จริงเหรอ ถ้านายรู้สึกไม่สบาย หรือคลื่นใส้อาเจียน นายน่าจะไปห้องน้ำนะ” ผมเเอบพูดจาติดตลก ไม่ทันไร เซบัสเตียนเริ่มเข่าอ่อน เขาไม่สามารถทรงตัวยืนได้ เต็มที่ ลูกตาของเขาเริ่มหมุนขึ้นข้างบน ก่อนที่เขาจะสลบเหมือดลงในอ้อมเเขนของผม

 

 

 

 

 

“เฮ้ย เซบัสเตียน ตื่นๆ ๆๆ” ผมใช้มือตบที่เเก้มเขา เพื่อเรียกสติของเซบัสเตียน เเต่เขาก็ไม่ลืมตาตื่นขึ้นซักที จนผมต้องตะโกนเรียกเลียม เฮมส์เวิร์ด ให้มาช่วยอุ้มร่างเซบัสเตียนที่สลบไม่ได้สติราวกับ เจ้าหญิง ระหว่างทางผมกับ เลียม เดินไปคุยไป ก่อนจะเดินทางไปถึงหอพักชาย

 

 

 

 

 

 

เลียมอาสาพาผม กับ เซบัสเตียนไปส่งถึงห้องพักของผม ที่อยู่ชั้นบน ผมค่อยๆดึงผ้าห่มออกจากเตียง เเล้วเลียมค่อยๆวางร่างเล็ก ของเซบัสเตียน เเสตนลงนอนบนเตียง เขาดูน่ารัก ราวกับตุ๊กตา ผมจ้องมองสำรวจเรือนร่างของเซบัสเตียนด้วยความหลงใหล ก่อนจะหันไปมองเลียม เราสองคนกอดกันเเน่นๆ เเละรีบผละออกจากกัน เลียมบอกลาผม เเล้วค่อยปิดประตูห้อง ปล่อยให้ผมได้อยู่คนเดียว เพียงลำพังด้วยกันกับ เซบัสเตียน เเสตน อ้า ในที่สุด เซบัสเตียนก็เสร็จผมล่ะ ทีนี้ ผมอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

 

 

 

 

 

เช้าวันต่อมา หลังเลิกเรียน วิชาศิลปะ ไฟน์อาร์ท ผมกับพรรคพวกมานั่งคุยกัน เกี่ยวกับ นักเรียนใหม่ นายเเบบหนุ่มหน้าสวยคนนั้น ที่ยอมให้พวกนักศึกษาเฟรชชี่ อย่างพวกผมได้วาดภาพเปลือยของเขา ลงบนเเผ่นกระดาษเอสี่ ครั้งเเรกที่ผมได้ร่างภาพสเก็จ ร่างเปลือยของเด็กหนุ่มคนนี้ ฟิลลิป เเม็คอะวอย ฟาสเบนเดอร์ ผมกลับไม่รู้สึกถึงอารมณ์ ความต้องการทางเพศ ทั้งที่ ฟิลลิปมีดวงหน้า ที่งดงามไร้ที่ติ เหมือนมารดาของเขา เจมส์ เเม็คอะวอย นัยน์ตาของเขาเป็นสีฟ้าอ่อน เเต่เขากลับมีออร่า สีดำเเปลกๆ อยู่ล้อมรอบ นั่นคงเป็นเพราะว่า บิดาของเขา ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ เป็นทูตนรก ที่มีอำนาจมากๆ พวกตำรวจ กับ อาจารย์ นักเรียน ไม่ค่อยมีใครกล้ามีเรื่องกับเขา ผู้คนในหมู่บ้านเเห่งนี้ ค่อนข้างจะเกรงใจ หรือหวาดกลัว บิดาของเขา โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ นานๆที ฟิลลิปจะเดินทางกลับบ้าน เพื่อไปเยี่ยมพ่อเเม่เขา เขาไม่ค่อยได้อาศัยอยู่ที่หอพัก นักศึกษาเหมือนผม แต่สำหรับเพื่อนผมอีกคน เลียมกลับรู้สึกเเปลกๆ กับนักศึกษาหนุ่มคนนี้ ทุกครั้งที่เขาวาดภาพเปลือยของเด็กหนุ่มคนนี้ ผมเห็นใบหน้าของเขายิ้มๆ

 

 

 

 

 

ราวกับว่าเขาต้องการ ที่จะครอบครองเรือนร่าง ของฟิลลิป เด็กหนุ่มหน้าสวยคนนี้ ที่มีอายุหยุดอยู่ที่ ยี่สิบสองปี เท่านั้น เเล้วก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พวกเรานั่งอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ล หน้ามหาลัย ผมได้นอนหนุนตัก เซบัสเตียน ส่วนเลียม เฮมส์เวิร์ดกำลังนั่งมองภาพวาด ผลงานศิลปะของเขา ที่วาดเสร็จ เขานั่งมองยิ้มเเล้วยิ้มอีก ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะมีความสุขอะไรกับเจ้าภาพวาด เสมือนจริงภาพนี้ ขณะที่พวกเรากำลังพูดคุยกัน เซบัสเตียน เอื้อมมือไปเเตะที่ศีรษะ เหมือนกับเริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะ ผมรีบลุกขึ้นนั่ง เเล้วจ้องหน้าเขา ด้วยความเป็นห่วง

 

 

 

 

“เซบัสเตียน เป็นไรเปล่า สบายดีมั๊ย”

 

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก คริส สงสัยคงเป็นอาการเมาค้างตั้งเเต่เมื่อวาน” เซบัสเตียนรีบบอกปัดๆ “ฉันว่าจะไปเยี่ยม ลีเพซ เพื่อนฉันซักหน่อย เขาเพิ่งโทรมาบอกฉันว่า เขาไม่สบาย มาเรียนไม่ได้ ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา”

 

 

 

 

 

“ก็ดีเหมือนกัน ว่าเเต่ตอนนี้ลีอยู่ที่ไหนล่ะ เขาอาศัยอยู่กับ ทอม เเละลุค หรือเปล่า”

 

 

 

 

 

“เขาย้ายไปอยู่กับ ริชาร์ด อาร์มิเทจเเล้วล่ะ ฉันพอจะรู้ว่าบ้านเขาอยู่ที่ไหน”

 

 

 

“งั้นเราไปเยี่ยมเขาเลยมั๊ยล่ะ” เลียมถาม ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

 

 

 

 

 

หลังจากนั้นพวกเราสามคนเดินทางไปเยี่ยม ลีที่บ้านของริชาร์ด อาร์มิเทจ บ้านของริชาร์ด ดูสะอาดสะอ้าน เรียบร้อย มีทั้งเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ครบหมดทุกอย่าง ภายในตกเเต่งให้ดูอบอุ่น น่าอยู่ ในห้องครัวไม่เลอะเทอะ ไม่มีจานสกปรกที่วางทิ้งอยู่ในอ่างล้างจาน พวกมันถูกวางจัดเก็บไว้ในตู้กระจก สำหรับวางของ มีทั้ง เเก้วน้ำชา เเละกาน้ำชา จัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ทันทีที่ผม กับพรรคพวก เพื่อนสนิทในก๊วน เดินเข้ามาในบ้านของ ริชาร์ด ผม เเละพรรคพวก ถามริชาร์ดว่า ลีเป็นไงบ้าง สบายดีมั๊ย ซักพักลีเดินเข้ามานั่งบนโซฟา เเต่คราวนี้ดูต่างจากเมื่อก่อน ผมจ้องมองดูหน้าท้องของลี ที่เริ่มนูนขึ้น เขานั่งลูบหน้าท้อง กลมนูนของตัวเอง ด้วยความทนุถนอม เเละความรัก เอ ชักจะมีอะไรเเปลกๆ ซะเเล้วสิเนี่ย ผมหันไปมองริชาร์ด สลับกับลี เพื่อนผม ด้วยความรู้สึกงุนงง

 

 

 

 

 

 

“เซบัสเตียน นายรู้เรื่องนี้ใช่มั๊ย” ผมหันไปถามเซบัสเตียน เขากลับยักไหล่ เเล้วจ้องหน้าผมราวกับว่า นายพูดเรื่องอะไรวะ ฉันไม่รู้เรื่องเลย

 

 

 

 

 

“ฉันจะไปรู้ได้ไง คริส อีเเวนส์ ฉันคิดว่าลีป่วยหนัก ไม่สามารถเข้าเรียนได้ ตอนนั้นฉันได้ยินเสียงเขาอาเจียน ผ่านทางโทรศัพท์มือถือของฉัน” เซบัสเตียนบอกผม นั่นก็เป็นอันว่าเขาไม่รู้เรื่อง “ฉันรู้ว่าจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เเต่ฉันไม่รู้นี่ว่า ลีตั้งครรภ์”

 

 

 

 

 

 

“อะ ฮ๊ะ ว่าเเล้วเชียว ฉันรู้อยู่เเล้วว่าจะต้องมีเรื่องเเบบนี้เกิดขึ้น แต่ฉันไม่รู้ว่าที่มหาลัย จะให้นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ได้เข้าเรียนต่อหรือเปล่านี่สิ” เลียมทำสีหน้าครุ่นคิด

 

 

 

 

 

“ไม่เห็นเป็นเรื่องเเปลกอะไรเลยนี่ ว่าแต่ลีเขาจะเรียนต่อ ที่มหาลัยหรือเปล่านี่สิ”

 

 

 

 

 

 

 

“ฉันคงจะไม่เข้าเรียนต่อเเล้วล่ะ” ลีรีบตอบทันที หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกเรา นั่นทำให้ ผมกับเลียม ตกใจจนอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก

 

 

 

 

“พวกนายน่าจะรู้ตั้งเเต่เเรกเเล้วนี่ ฉันว่าเเล้ว ลางสังหรณ์ฉันไม่เคยผิดพลาด ฉันขอให้นายโชคดีนะลี เเละก็ดูเเลสุขภาพตัวเองให้ดีๆนะ อย่าลืมฝากทักทายลูก ในท้องของนายด้วยนะ” เซบัสเตียนหันไปพูดกับลี พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบไล้ หน้าท้องกลมนูนของลี ลีหันมายิ้มให้กับ เซบัสเตียน ด้วยความเป็นมิตร

 

 

 

 

 

“จ๊ะ ฉันจะบอกเขา”

 

 

 

 

 

 

พอหลังจากที่พวกเราเดินออกจาก บ้านของริชาร์ด อาร์มิเทจ เซบัสเตียนเป็นคนเเรก ที่เริ่มบทสนทนา ขณะที่พวกเรากำลังเดินเล่น อยู่บทฟุตบาท ข้างทาง

 

 

 

 

 

“ปรกติฉันเป็นคนคอเเข็งนะ เวลาดื่มเครื่องดื่ม เเอลกอฮอลฉันจะไม่เมาง่ายๆ เมื่อวานนี้ มีใครเเอบวางยาฉันหรือเปล่า” เซบัสเตียน เเสตนหันมาถามผม กับ เลียม พวกเราทั้งคู่ยักไหล่ เเน่นอนอยู่เเล้วว่าผมไม่รู้หรอกว่า เครื่องดื่มของ เซบัสเตียน ได้มีใครบางคนเเอบวางยาลงไป

 

 

 

“นายเเน่ใจเหรอว่า มีคนวางยาลงในเครื่องดื่มของนาย”

 

 

 

 

“เมื่อวานในงานปาร์ตี้ ฉันรู้สึกมึนหัว วิงเวียนศีรษะ ถ้าเป็นอาการเมาค้างมันน่าจะหายไปนานเเล้วนะ ไม่น่าจะนานมากขนาดนี้ โอย ทำไมฉันถึงรู้สึกเหนื่อยจัง” เซบัสเตียนเริ่มบ่น

 

 

 

 

 

“ไปหาหมอมั๊ย บางทีพวกเขาอาจหาคำตอบให้นายได้นะ เซบัสเตียน” เลียมให้ข้อเสนอเเนะ ผมกับเซบัสเตียนเริ่มลังเล เเต่สุดท้ายพวกเราทั้งคู่ได้ตอบตกลง

 

 

 

 

 

 

 

New Student (Sebastian Stan)

ตอนนี้จะเป็นคู่ของ Evanstan (Sebastian Stan x Chris Evan) รอเเต่งเเฟนฟิคคู่นี้มานาน ไม่รู้จะออกมาดีหรือเปล่า ต้องลองดู แต่ตอนนี้จะเป็น เรื่องราวของ Sebastian Stan เพื่อนสนิท ของ Lee Pace ที่มหาวิทยาลัย

 

 

New Student (Sebastian Stan)

 

 

 

คืนนั้นหลับจากงานปาร์ตี้ ที่มหาวิทยาลัย ฉันกลับมานอนในหอพัก ห้องเดียวกันกับ คริส อีเเวนส์ จากที่เมื่อก่อนเราเป็นเเค่ เพื่อนร่วมห้อง ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง เราทั้งสองเริ่มมีมากไปกว่าเเค่คำว่าเพื่อน ฉันไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ ลีฟัง เพราะฉันถือว่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง ฉันกับ คริส อีเเวนส์ เป็นเรื่องส่วนตัว เหมือนกันกับ เรื่องราวของ ลีเพซ กับ ริชาร์ด อาร์มิเทจ ตำรวจหนุ่มที่มักจะอาสาขับรถ พาพวกฉันกลับหอพักอย่างปลอดภัย ฉันกับ คริส อีเเวนส์มักจะเชียร์ให้ ลีคบกับ ริชาร์ด เขาค่อนข้างเป็นมิตร เข้ากันง่ายกับพวกเด็กวัยรุ่น มหาลัยอย่างพวกฉัน เเต่คราวนี้ฉันเริ่มรู้สึกผิดสังเกตุ ริชาร์ดไม่ได้ขับรถ มาส่งพวกเรา หน้าหอพัก อย่างทุกวัน

 

 

 

 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ฉันค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ในอ้อมเเขนของคริส อีเเวนส์ ที่หอพัก ในสภาพเปลือยเปล่า ด้วยกันกับคริส ฉันเริ่มรู้สึกหัวหนักอึ้ง เนื่องจากเมื่อคืนฉันดื่มหนักไปหน่อย เเถมคืนนั้นฉันเมาจนเดินไม่ไหว เพราะดื่มเบียร์เยอะเกินไป คริส อีเเวนส์​กับ เลียม เฮมส์เวิร์ด พยุงร่างฉัน กึ่งลาก กึ่งเดิน มายังห้องนอนของคริส นั่นคือสิ่งที่ฉันนึกออก เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นฉันก็นอนหลับสนิท ไม่รู้สึกอะไรเลย เเต่มาตอนนี้ฉันกลับพบว่าตัวเอง นอนศีรษะพิงอยู่บนเเผ่นอก กว้างของ คริส อีเเวนส์ บนเรือนร่างของฉัน มีร่อยรอยจ้ำเเดงๆ ประทับอยู่เต็มไปหมด ฉันค่อยๆลุกขึ้นมา เริ่มรู้สึกเจ็บ ที่สะโพก ผ้าปูเตียงยับยู่ยี่ เเละมีร่องรอยเปื้อนเลือด บนพื้นมีเสื้อผ้า ของฉัน กับคริส อีเเวนส์​วางเกลื่อนกลาด กางเกงในของฉันวางพาดอยู่บนโคมไฟ เเละกางเกงยีนส์ของฉัน ถูกถอดวางพาดอยู่บนเก้าอี้โซฟา เเละเสื้อยืด ทีเชิ้ต กับเสื้อเเจ็คเก็ต ยีนส์ นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันเเน่เนี่ย ฉันสลัดศีรษะ ไปมาเพื่อไล่อาการมึนหัว

 

 

 

 

 

“คริส คริส” ฉันพยายามตะโกนเรียก ชายร่างสูง ที่ยังคงนอนกอดฉัน

 

 

 

 

 

“อืม” คริส อีเเวนส์ ครางนิดๆ เพื่อปัดรำคาญ ตาของเขาทั้งสองข้าง ยังปิดสนิท ใบหน้าของเขา ยิ้มเเฉ่งด้วยความดีใจ หน๋อยเเหน่ะ ไอ้บ้า ฉันเเอบนึกด่ามันอยู่ในใจ ซักพักเสียงไอโฟนหก ของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะ ใกล้กับเตียงดังขึ้น ทำให้คริส อีเเวนส์งัวเงีย ตื่นขึ้นมา พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบไอโฟนของฉัน เเละมายื่นให้ฉัน

 

 

 

 

 

 

ฉันยื่นมือไปรับไอโฟนหก พร้อมกับกดปุ่มรับสาย หลังจากนั้น คริส อีเเวนส์กลับไปนอนหลับต่อ

 

 

 

 

 

“ฮัลโหล” ฉันพูด ด้วยน้ำเสียงงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่น

 

 

 

 

 

“เซบัสเตียน นั่นนายเองเหรอ ฉันจะโทรมาบอกนายว่า วันนี้ฉันไม่สบาย คงไปเรียนไม่ได้นะ”

 

 

 

 

 

 

“อ้าวลี นายไม่เป็นไรใช่มั๊ย” ฉันถามเขา ด้วยความเป็นห่วง หลังจากนั้นฉันได้ยินเสียง คนอาเจียน

 

 

 

 

 

“ฉันขอลาหยุดวันนึงนะ จนกว่าอาการของฉันจะดีขึ้น เเล้วฉันค่อยกลับมาเรียนต่อ”

 

 

 

 

 

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะบอกคริส กับเลียมว่านายไม่สบาย มาเรียนไม่ได้” ฉันรีบบอกลี แต่ในใจของฉัน ยังคงกังวล เป็นห่วง หวังว่าลีคงจะไม่เป็นอะไรมากนะ ก่อนจะกดปุ่มวางสาย

 

 

 

 

 

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ เซบัสเตียน” คริส อีเเวนส์ถามฉัน พร้อมกับก้มลงประกบจูบ บนริมฝีปากของฉัน อย่างนุ่มนวล ฉันจูบตอบเขา เเละเราสองคนค่อยๆผละออกมา จากกัน

 

 

 

 

 

“ลี ไม่สบาย คริส เขาขอลาหยุด” ฉันตอบคริส อีเเวนส์

 

 

 

 

 

 

“ว้า เเย่จัง วันนี้เรากำลังจะมีเพื่อนใหม่มาอีกคนด้วยสิเนี่ย” คริส อีเเวนส์เอยขึ้น เเล้วค่อยลุกขึ้นจากเตียง สวมเสื้อผ้า เตรียมตัวที่จะเข้าเรียน ฉันนั่งอยู่บนเตียง กระพริบตาปริบๆ ค่อยๆลุกขึ้น จากเตียง ไม่ทันไรฉันนิ่วหน้าด้วยความรู้สึก เจ็บตรงสะโพก เนื่องจากเมื่อคืนนี้ คริส อีเเวนส์กับฉัน ได้ร่วมรักกัน อย่างเผ็ดร้อน เขาได้กระเเทกสะโพกของฉันอย่างรุนเเรง จนฉันรู้สึกเจ็บ

 

 

 

 

 

 

“นายเป็นไรเปล่า เซบัสเตียน ลุกไหวมั๊ย” คริส อีเเวนส์ถามฉันด้วยความเป็นห่วง เขาค่อยๆพยุงร่างฉัน ให้ลุกขึ้นยืน ฉันค่อยๆเดินโซเซ กระโผลกกระเผลก คริส อีเเวนส์ยืนยิ้ม หลังจากที่เห็นท่าเดินเเปลกๆของฉัน ที่เดินไปหยิบกางเกงใน เเละเสื้อผ้า ของฉัน ที่วางเกลื่อนกลาด อยู่ที่พื้น กับโซฟา ขึ้นมาสวมใส่ ก่อนจะเริ่มเข้าเรียน

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้เป็นวันที่ฉันเข้าเรียนตามปรกติ ทุกวัน ที่ห้องเรียนศิลปะ ไฟน์อาร์ท แต่คราวนี้เเตกต่างจากทุกวัน เนื่องจากวันนี้ฉันได้เรียนวาดภาพ เหมือน โดยที่ฉันต้องวาดภาพคนจริงๆ สเก็จลงในเเผ่นกระดาษสีขาว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พวกเราวาดภาพ ผลไม้ เเจกัน จาน เครื่องปั้นดินเผา เเต่มาคราวนี้ ฉันต้องวาดภาพคน เเละนายเเบบเป็น เด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง เขามีนัยน์ตาสีฟ้า กับมีผมสีน้ำตาลเข้ม เเละมีผิวสีขาวอมชมพู เรียบเนียนนุ่มลื่นน่าสัมผัสราวกับผิวเด็กทารก เขาสวมชุดเสื้อคลุมสีขาว ทันทีที่เขาเดินเข้ามาในห้องเรียนศิลปะ เขาถอดเสื้อคลุมสีขาว ออกมา เผยให้เห็นเรือนร่าง เปลือยเปล่า ฉันมองสำรวจ เรือนร่างงามของเด็กหนุ่มคนนี้ ใบหน้าของเขา ดูคุ้นๆ เหมือนใครบางคน ที่ฉันคิดว่าเคยเห็นมาก่อน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกซักที ฉันมองหน้าเขาเพลินๆ พร้อมกับวาดภาพ สเก็จ ลงบนเเผ่นกระดาษ ในห้องเรียนศิลปะ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูดี มีเสน่ห์ เย้ายวน ฉันได้เห็นภาพนิมิต ของเขาตั้งเเต่เมื่อคืน หลังจากที่ฉันนอนหลับ แต่ฉันก็ไม่ได้เอาเรื่องนี้ ไปเล่าให้ คริส อีเเวนส์ เเฟนหนุ่มของฉันฟัง

 

 

 

 

 

หลังเลิกเรียน พวกเรานั่งอยู่ที่สนาม หน้ามหาวิทยาลัย ด้วยกันกับ คริส อีเเวนส์ เลียม เฮมส์เวิร์ด ตอนนี้กลุ่มของพวกเรา มีกันเเค่สามคนเท่านั้น เนื่องจากลีไม่สบาย ไม่สามารถเข้าเรียนได้ ภายนอกอากาศเย็นสบาย เเถมยังมีใบเมเปิ้ล ร่วงกองอยู่บนพื้น ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ คริส อีเเวนส์นอนหนุนตักฉัน

 

 

 

 

 

“นายว่ามั๊ย เจ้าเด็กหนุ่มที่เป็นนายเเบบให้เรานี่ดูหน้าคุ้นๆนะ” คริส อีเเวนส์เอยขึ้น ในขณะที่กำลังนอนเล่นอยู่บนตักฉัน

 

 

 

 

 

“นายหมายถึง ฟิลลิป เเม็คอะวอย ฟาสเบนเดอร์เหรอ” เลียมหันมาถามคริส อีเเวนส์

 

 

 

 

 

“อ่าว นายรู้ชื่อเขาได้ไง เลียม” คริส อีเเวนส์ หันมาถามเลียม ด้วยความสงสัย

 

 

 

“ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ คราวก่อนฉันตามจีบหมอนี่อยู่ เลยฝากให้พี่คริส เฮมส์เวิร์ดช่วยสืบประวัติ เรื่องราวของเขา ฉันรู้ว่าบิดาของเขา คือ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ มารดาของเขา คือ เจมส์​ แม็คอะวอย เกิดปี 1870”

 

 

 

 

 

“บิดาของเขา เป็นทูตนรก ส่วนมารดาเป็น เเฟร์รี่ มันไม่ใช่เรื่องเเปลกหรอกที่เเฟร์รี่เพศชาย จะสามารถตั้งครรภ์ได้ เเละใบหน้าของ ฟิลลิป ดันถอดเเบบมาจาก เจมส์ เเม็คอะวอย มารดาของเขา”

 

 

 

 

 

“มิน่าล่ะฉันถึงว่าทำไม หน้าเขาดูคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ฉันเอยขึ้น หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาระหว่าง คริส อีเเวนส์​กับ เลียม เฮมส์เวิร์ด

 

 

 

 

“เขาเกิดที่ เยอร์มัน นายอยากเจอเขาป่ะ บ้านเขาอยู่ที่คฤหาสถ์ของ ฟาสเบนเดอร์ ได้ข่าวว่า ที่นั่นกำลังจะทำกิจการ ขายไวน์องุ่นรสเลิศ” เลียมหันมาพูดคุย กับ พวกฉัน

 

 

 

 

“ก็ดีเหมือนกัน ฉันว่ามันน่าเเปลกนะว่ามั๊ย วันนี้ลีบอกว่าขอลาหยุด เพราะไม่สบาย ปรกติลีก็ไม่เคยป่วยเลยนี่ เเล้วทำไมอยู่ดีๆถึงบอกว่าไม่สบาย เรียนไม่ได้”

 

 

 

“เขาอาจไม่อยากเรียนก็ได้นะว่ามั๊ย”

 

 

 

 

“นั่นไม่ใช่นิสัยที่เเท้จริงของลีนะ คริส อีเเวนส์ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเขา ลีชอบเรียนวิชาศิลปะ ไฟน์อาร์ท เเละเขาก็ไม่เคยมาสาย หรือพลาดวิชาที่เขาชอบ ฉันว่ามันต้องมีอะไรซักอย่าง นี่มันเเปลกมากเลยนะ” ฉันกำลังทำท่าครุ่นคิด ฉันรู้ว่าต้องมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ลีไม่สามารถมาเรียนได้

 

 

 

 

“เเล้วมันเพราะอะไรล่ะ ที่ทำให้ลีขาดเรียนคาบนี้” เลียมหันมาถามฉัน

 

 

 

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คราวก่อนฉันเคยเเวะไปเยี่ยมลีที่บ้าน เเล้วทอม กับ ลุค บอกว่า ลีไม่อยู่บ้านหลังนี้เเล้ว เขาย้ายไปอยู่กับ ริชาร์ด อาร์มิเทจ”

 

 

“เเล้วเขาได้บอกมั๊ยว่าทำไมอยู่ดีๆ ลีถึงย้ายไปอยู่กับ ริชาร์ด” คริส อีเเวนส์หันมาถามฉัน ฉันยักไหล่ เเหมยังกะว่าฉันรู้มากนักเชียว ฉันไม่ใช่ร่างทรงนะจ๊ะ ที่จะสามารถรู้เรื่องราวได้หมดทุกอย่าง ให้ตายสิ

 

 

 

 

 

“เซบัสเตียน นายคิดว่าลีเพซ จะกลับมาเรียนต่อหรือเปล่า” เลียมถามฉัน

 

 

 

 

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เเต่คราวหน้าถ้าฉันมีโอกาสได้เจอกับ ริชาร์ด อาร์มิเทจ ฉันจะถามลองถามเขาดู”

 

 

 

 

เเน่นอนอยู่เเล้ว ฉันคิดว่าริชาร์ด อาร์มิเทจต้องรู้เเน่ๆ ว่าทำไมอยู่ดีลี เพื่อนฉันถึงขาดเรียนหนึ่งวัน ทั้งที่วิชาศิลปะ ไฟน์อาร์ท เป็นวิชาที่เพื่อนฉันรักมากๆ เเละเขาจะทุ่มเทให้กับมัน อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะฝ่าฟันอุปสรรค์ มากเเค่ไหนก็ตาม เเต่คราวนี้เพื่อนฉันกลับหยุดเรียนกระทันหัน ฉันก็ว่ามันต้องมีอะไรซักอย่าง แต่ตอนนี้ฉันได้เก็บความอยากรู้อยากเห็น ไว้ในใจ