ตอนของหนูน้อย ทาโร่

ตอน ของ Taro

ครั้งแรกที่ได้มาเรียน ที่เมืองโมริโอ ผมได้พักอาศัยกับ คุณลุง โจทาโร่ เพียงแค่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน จากอิตาลี่ ผมเป็นคนญี่ปุ่น แต่ดันไปเกิดและโต ที่อิตาลี่ เลยสามารถพูดภาษาอิตาเลี่ยน และภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย แต่ภาษาอิตาเลี่ยน เป็นภาษาแม่ เพราะฉะนั้นผมเลยคุยกับ เชฟ โทนิโอได้ เป็นภาษาบ้านเกิดแก และแม่ก็สอนผมภาษาญี่ปุ่น ผมมักจะนึกว่า แอนโทนิโอ เป็นพ่อแท้ๆของผม เพราะแกเลี้ยงผมมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นหนุ่ม แต่แม่แท้ๆของผม ก็คือ โนริอากิ คะเคียวอิน

ผมไม่รู้หรอกนะว่าใครเป็นพ่อแท้ๆของผม หลังจากที่ผมได้เห็นภาพถ่าย ของคุณแม่ และพรรคพวกคนอื่นๆ ที่ทะเลทราย จนกระทั่งได้เห็นภาพผู้ชายคนหนึ่ง ที่สวมชุดนักเรียนญี่ปุ่นสีดำ กับหมวกสีดำ และเสื้อแขนกุด สีเทา อยู่ข้างใน ผู้ชายคนนี้ตัวใหญ่ และหมัดหนัก ครั้งแรกที่ผมเพิ่งรู้ความจริง ว่าใครเป็นพ่อแท้ๆของผม ก็ตอนที่ ตาคิชิเบะ โรฮัง ใช้พลัง heaven door เปิดหน้าผมราวกับ อ่านหนังสือการ์ตูนนี่แหล่ะ

‘พ่อแท้ๆของ แกก็คือ โจทาโร่ คุโจ และ โนริอากิ คะเคียวอิน เป็นคุณแม่ หืม แปลกดีนะ คุณแม่ของแก ถูกตาดิโอ ส่งให้มาฆ่าพ่อแท้ๆของแก แต่พ่อของแกดันไม่ตาย และช่วยดึงเจ้าก้อนเนื้อ ประหลาดนั่นออกจากหัวแม่แก และอีกอย่าง ตัวแสตนด์ของพ่อแก เป็น star platinum และตัวแสตนด์ ของแม่คือ Hierophant green แหม น่าอิจฉาจัง นายมีแม่ที่หน้าตาสะสวย และยังฉลาดเป็นกรด อีกด้วย อืม น่าสงสารนะ แม่นายโดนดิโอ ฆ่าตาย ที่แท๊งค์น้ำ ประเทศอียิปต์ ไคโร แต่ก็ ได้พ่อเลี้ยง ของแกที่เป็นคนอิตาเลี่ยนชุบชีวิต ทั้งแกและคุณแม่ ที่กำลังตั้งท้องแกได้ประมาณ 3 เดือน หืม น่าทึ่งจริงๆ’ คิชิเบะ โรฮังเอ่ยขึ้น ‘แกนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ทาโร่ แต่เอ แกเป็นคนญี่ปุ่น แต่ดันไปเกิดที่อิตาลี่ อีกอย่าง คะเคียวอินเพิ่งจะให้กำเนิดนาย ตอนหลังแต่งงานกับ ตาแอนโทนิโอ พ่อเลี้ยงของนาย ซึ่งก็หลังกลับจากอียิปต์’

‘ถ้านายจะฆ่าฉันก็เชิญ ฉันไม่กลัวตายหรอนะโรฮัง ฉันเคยเจอโลกแห่งความตายมาแล้ว แม่ฉันก็ด้วย’ ผมบอกแกไป ก็แหงอยู่แล้วล่ะ ผมกลัวตายซะเมื่อไหร่ล่ะ

‘เรื่องอะไรฉันจะไปฆ่าแกล่ะ ฉันจะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีไว้น่ะสิ ทาโร่คุง และเอาไปเขียนเป็นมังงะ’ คิชิเบะ โรฮังพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

‘emerald star finger’ ผมตะโกนเรียกตัวแสตนด์ของผม และปล่อยเจ้าเพชร ไดม่อน สีเขียวออกมา แต่มันก็ไม่โดนร่าง เจ้าคิชิเบะ โรฮัง

‘อย่าพยายามเลย เจ้าหนู เพราะฉันเพิ่งเขียนลงไปแล้ว ว่าแกไม่สามารถทำอะไรฉันได้’

‘แกรู้ได้ไง ว่าโจทาโร่เป็นพ่อแท้ๆ ของฉัน ขนาดแม่ฉันยังไม่บอกฉันเลยด้วยซ้ำ’ ผมเริ่มสงสัย เพราะแม่ไม่เคยเอ่ยถึงโจทาโร่ให้ผมได้รับรู้ ราวกับว่าถ้าพูดถึงโจทาโร่ ทีไรแม่ผมจะดูซึมๆ ใจจริงแม่ก็ยังรัก โจทาโร่อยู่ แต่แม่เลือกที่จะอยู่กับพ่อเลี้ยง และคนที่รู้ความลับของผม ก็กลายเป็นคิชิเบะ โรฮัง นั่นเอง

‘คะเคียวอินน่ะเหรอ? แม่นายฉลาดเกินกว่าที่จะยอมเล่าความจริงให้แกฟังนะ ทาโร่ เพราะตอนที่คะเคียวอินตั้งครรภ์ครั้งแรก ก็ตอนที่พวกเขาเจอกับ เจ้า Death 13 ตอนไปแคมป์ ยังไงล่ะ แกยังเป็นแค่ตัวอ่อน อยู่เลย แม่แกก็ฉลาดนะ ตอนสุดท้ายใช้ตัว Hierophant ปราบมันได้สำเร็จ อีกอย่างแม่แกดันแก้เผ็ด ด้วยการเอา ขี้ของเจ้าเด็กทารกนั่น ไปใส่ในชามอาหาร และใช้ช้อนคน มันคงจะเป็นความทรงจำที่ดีนะ แกนี่โชคดีจริงๆ เป็นลูกชายแท้ๆของโจทาโร่’ โรฮังเอ่ยขึ้น ก่อนที่ตาโจสุเกะ จะบุกเข้ามา

‘อะ อะไรนะ ทาโร่คุง เป็นลูกชายของโจทาโร่?’ โอคุยาสุ โคอิจิ พูดพร้อมกัน สองคน

‘ใช่แล้วล่ะ แกเป็นลูกชายแท้ๆ ของโจทาโร่ กับ คะเคียวอิน มิน่าล่ะตัวแสตนด์ ของนาย ถึงสามารถใช้พลังเหมือน พ่อกับแม่นายได้’ โรฮังเอ่ยขึ้นอีก ‘เสียดายที่ฉันไม่ได้มีโอกาสร่วมเดินทาง กับพ่อแม่นายนะ’

‘เสียใจ นายยังไม่รู้จักแม่ฉันดีพอ’ ผมเอ่ยขึ้น

‘แม่นายดูภายนอกเป็นคนเย็นชา แต่จริงๆเป็นคนที่มีจิตใจดี และมีเมตตา แต่เวลาจะแก้เผ็ดใคร ที่เล่นงาน คุณแม่ของนายนะ พวกนี้ก็โดนอย่างแสบๆ’ โรฮังเอ่ยขึ้น ดีที่โจสุเกะมาทันเวลา และเจ้าโรฮังดันไปยั่วโมโหเขา เรื่องทรงผม เลยโดนเขา อัดยับ แหมะ โจสุเกะ ปรกติแกเป็นคนใจดี และคอยช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่บทแกเวลาจะเอาจริงขึ้นมานี่ อย่าได้ไปลองดีกับแกเด็ดขาด มาคราวนี้แกฟิวขาดจริงๆ แกเล่นซะแทบจะพังบ้านทั้งหลังเลย

โคอิจิแกก็โดน เจ้าคิชิเบะ โรฮังเปิดหน้าเหมือนผม แต่ที่แปลกคือ ผมไม่ได้สะดุ้ง หรือตกใจเหมือนกระต่ายตื่นตูม เพราะผมรู้อยู่แล้ว ว่าแกจะต้องรู้ความลับของผม เพราะผมเห็นตัวแสตนด์ของแก โผล่ออกมา ตอนที่แกใช้มันเปิดหน้า พวกผม ราวกับอ่านหนังสือการ์ตูน สุดท้ายผมกลับสงสารแก เพราะเห็นสภาพแกเป็นอย่างนี้ ทำให้ผมเริ่มไม่อยากจะไปซ้ำเติมแกอีก

ตอนนั้นหลังจากที่ คิชิเบะ โรฮังรู้ความลับของผม เกี่ยวกับพ่อแม่แท้ๆของผม แกแนะนำให้ผมไปคุยกับ โจทาโร่ ที่เป็นคุณพ่อแท้ๆของผม และคุณแม่ แต่ปัญหาคือคุณแม่ยังอยู่กับพ่อเลี้ยง ผมยังจำได้เลยว่า อาจารย์โรฮัง แกบอกว่าแม่ผมมีเสน่ห์ ถึงขนาดมีผู้ชาย 2 คนหลงรักแม่ แต่แม่ก็เลือกที่จะอยู่กับพ่อเลี้ยง ทั้งที่กำลังอุ้มท้องผม 4 เดือนเนี่ยนะ และไม่บอกผม มาเป็นเวลานานหลายปี ทำไมคนนอกอย่างโรฮัง ดันมารู้ความลับเรื่องนี้ก็ไม่แปลก เพราะพลังพิเศษของแก สามารถอ่านผมราวกับ หนังสือการ์ตูน

ผมได้เล่าเรื่องนี้ให้โจทาโร่ฟัง หลังจากที่เจอ อาจารย์โรฮัง แกไม่แปลกใจเลยด้วยซ้ำ ที่รู้ว่าแกเป็นพ่อแท้ๆของผม แกกอดผมแน่นๆ ราวกับไม่อยากให้ผมจากแกไปไหน

‘ทาโร่ บางทีฉันควรจะบอกแก ตั้งแต่ครั้งแรก ที่คุณแม่ส่งแกมา อยู่กับฉัน’ โจทาโร่บอกผม ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟัง ซึ่งก็ตรงตามที่ ตาคิชิเบะ โรฮังบอกผม ผมรู้หมดทุกอย่าง หมอนั่นค่อนข้างจะน่ากลัว มันดันมารู้ความลับของผมหมดทุกอย่าง มันยังบอกเลยว่า แม่ผมได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เพราะพ่อเลี้ยงเป็นคนตกลงกับโจนาธาน โจสตาร์ ทั้งที่รู้ว่าตอนนั้นแม่กำลังอุ้มท้องผมอยู่ และแม่ก็มีโอกาสที่จะได้เดินทางกลับมาเยี่ยมคุณยาย ที่ญี่ปุ่น ครอบครัวทางฝั่งแม่ผม ที่ญี่ปุ่นพากันเห่อหลาน เลยไม่ได้ว่าอะไร มีบ้างที่พวกเขาบอกว่า ผมดูไม่เหมือน แอนโทนิโอ สามีของแม่ แต่พวกเขาไม่รู้หรอก ว่าพ่อแท้ๆของผม เป็นใคร แม่ก็ไม่ได้พูดถึงเหมือนกัน

จนกระทั่งตอนนี้ ผมถึงได้รู้ความจริง จะว่าผมควรโทษคิชิเบะ โรฮังดีมั๊ย ที่ดันมาเปิดโปงความลับผม ซะหมดทุกอย่าง จนตอนนี้ผมอยากกลับไปหาคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ก็ไม่ได้แปลกใจ ที่ผมดันรู้ว่าพ่อแท้ๆของผม คือโจทาโร่ แม่เคยเตือนผมเรื่อง คิระ โยชิคาเกะ เพราะหมอนี่เป็นบอส ที่มีพลังน่ากลัว เกี่ยวกับ การน้อนเวลา และระเบิด ตัว ที่ทำงานเอง โดยไม่ระบุตัวตน ว่าเป็นใคร พ่อแท้ๆของผม โจทาโร่ ต้องมาเผชิญกับศัตรูที่ร้ายกาจ มากพอสมควร พ่อผมพาพี่โจสุเกะ และผม มาฝึกวิธีการ ยิงเจ้ากระป๋อง ที่ตั้งอยู่บนตอไม้ ผมใช้พลังเหมือนคุณแม่ ก็คือ ปล่อยเจ้าเพชรสีเขียว ออกมา ยิงใส่กระป๋อง

‘ฉันถึงว่า แกได้พลังนี้มาจากแม่’ โจทาโร่มอบหน้าผม ‘แต่แกก็อย่าได้ประมาทล่ะ ทาโร่ แม่แกก็ไม่ได้มาอยู่กับแกตลอด ทุกๆ 24 ชั่วโมง’

ตอนนั้นพวกผมไปล่าหนู กับพี่โจสุเกะ และ โจทาโร่ พ่อแท้ๆของผม ตอนนี้ผมมีคุณพ่อ สองคน ก็คือ แอนโทนิโอ กับ โจทาโร่ แอนโทนิโอเป็นพ่อเลี้ยง แต่เขารักผมราวกับว่า ผมเป็นลูกแท้ๆของเขา เขายังสอนผมวิธีใช้เวทย์มนต์ และคุณแม่ฝึกผม ให้รู้จักตัวแสตนด์ ของผมเอง สาเหตุที่คุณแม่ส่งผมมาที่เมือง โมริโอ ก็เพราะว่าคุณแม่อยากให้ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวผมเอง และผมได้เรียนรู้หลายอย่าง ได้เพื่อนใหม่หลายคน ตอนนี้แม่ผมกำลังไปเที่ยวกับพ่อเลี้ยงที่ประเทศฝรั่งเศส นานๆทีคุณแม่จะกลับมาเยี่ยมผม ที่โมริโอ ด้วยกันกับพ่อเลี้ยงของผม

Jotaro 2

Jotaro 2

ผมไม่นึกว่าจะได้กลับมาพบเจอกับ คะเคียวอินอีก หลังจากที่พวกผม และ น้องๆเด็กใหม่ที่ฝึกใช้แสตนด์ ช่วยกันจัดการคิระ โยชิคาเกะ ตอนช่วงวาระสุดท้ายของแก ตอนนั้นคะเคียวอิน ก็มาร่วมช่วยพรรคพวกของโจสุเกะด้วย เขาบอกผมว่า น้องๆรุ่นใหม่ อย่างโจสุเกะ ควรจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง จะทำให้พวกเขา มีฝีมือพัฒนาอย่างพวกผม ซึ่งใช้เวลาเรียนรู้ การต่อสู้กับ พวกคนใช้แสตนด์ คนอื่นๆ และคำแนะนำ ของคะเคียวอิน ก็ได้ผลเป็นอย่างดี

โคอิจิเริ่ม จะมีฝีมือพัฒนามากขึ้น เขาใช้คัวแสตนด์ แอ็ค 3 จัดการคิระ ทำให้มือข้างซ้ายเขาหนัก ส่วนผมก็หยุดเวลา และสุดท้าย แกก็โดนรถพยาบาลทับหัวแบะ ตายคาที่ ตอนนั้นเป็นจังหวะที่คะเคียวอินได้เห็นอุบัติเหตุนี้ กับตา ด้วยกันกับสามีของเขา แอนโทนิโอ ซึ่งกำลังนั่งรถ จะเดินทางกลับโรงแรม ดีว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง เพราะเขาก็เจอเรื่องร้ายๆมาเยอะ แต่ตอนสุดท้าย ก่อนจากกัน ผมยืนส่งเขา ที่สถานีรถไฟ ของเมือง มาริโอ สามีเขาก็มาด้วยกัน สองคน แอนโทนิโอ โอบเอวของคะเคียวอิน ก่อนจะปล่อยให้ คะเคียวอิน คุยกันกับผมตามลำพัง

‘นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย ที่เราได้พบเจอกันอีกสินะ โจทาโร่’ เขาพูดกับผม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเราคงจะต้องบอกลากัน เขาจูงมือ ทาโร่คุงบุตรชายของเขา ที่ตอนนี้อายุ 16 ปี เพื่อไปหาแม่ของเขา ที่บ้านเกิดผม

‘ผมว่าเราคฝจะได้พบเจอกันอีกนะ คะเคียวอิน คุณมักจะมาช่วยผมทุกครั้ง ที่ผมเจอกับอันตราย’ ผมเอื้อมมือไปแตะแก้มของเขา

‘ฉันมาเพราะเป็นห่วงนาย โจทาโร่ นายช่วยชีวิตฉันมาหลายครั้งโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน’ เขาดูไม่อาลัยอาวรณ์ก่อนจากกัน ผมกอดเขาไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่เราจะผละออกจากกัน ผมยืนส่งเขา ตรงสถานีรถไฟฟ้า ก่อนจะเดินกลับมา เห็นโจสุเกะ โอคุยาสุ โคอิจิ ยูคาโกะ คิชิเบะ โรฮัง และคนอื่นๆ ที่มาสะกดรอยตามผม

‘นี่พวกนาย ออกมาได้แล้ว ไม่ต้องไปหลบซ่อนตัวหรอกนะ’ ผมพูดออกมา ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ว่าพวกนี้แอบวางแผนอะไรกันอยู่

‘คุณโจทาโร่ ทำไมไม่บอกคะเตียวอินล่ะ ว่าคุณยังรักเขาอยู่?’ คิชิเบะ โรฮังถาม ‘ผมดูออกนะ ว่าคุณสองคนเป็นรักแท้ เขายอมเสี่ยงอันตรายมาช่วยคุณ และยังสอนพวกเรา ให้รู้ว่าจะรับมือยังไงกับศัตรู’

‘ไม่ใช่แค่นั้น เขาเป็นครูฝึกที่ใจเย็นมากๆ และยังบอกพวกเรา ให้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ ยิ่งตอนนั้นคุณโจทาโร่ให้ผมออกไปล่าหนู’ โจสุเกะ เอ่ยขึ้น แต่เขาไม่ได้มากับพวกผมหรอกนะ เพราะนานๆทีเขาจะมาเยี่ยมพวกผมครั้งนึง บางครั้งก็ มาช่วยหาข้อมูลของศัตรู อีกทาง ซึ่งแอนโทนิโอ สามีของเขามีพลังในการเห็นนิมิต ผ่านทางการสัมผัสวัตถุ สิ่งของ อย่างคราวก่อน เขาเคยเตือนเรื่อง คิระ ตอนที่เขาจับเจ้ากระดุม เสื้อแจ็คเก็ต ของคิระ เขาบอกว่าภาพในนิมิต ที่เขาเห็นคือ เด็กผู้ชาย สวมชุดเขียว ที่ยังเป็นเด็กประถมใกล้จะขึ้นชั้นมัธยม ที่ทำผมทรงแหลมๆ เหมือนทรงทุเรียน และแกดูร่างกายสมบูรณ์ดี คนนั้น ตายโดยที่แกจับลูกบิดประตูห้องเรียน ร่างของแกระเบิด ก่อนที่แกจะมา ขอความช่วยเหลือจากโจสุเกะ

‘นายแน่ใจนะ ว่าไม่เห็นว่าใครเป็นเจ้าของ กระดุมเสื้อแจ็คเก็ต?’

‘ฉันไม่รู้หรอก ว่าเป็นใคร ภาพในนิมิต บางทีไม่ค่อยได้เห็น ยังไง ถ้ามีเบาะแสอะไรใหม่ๆ นายค่อยส่งมาให้ฉันก็ได้นะ ว่าแต่ คุณตาของนาย โจเซฟ โจสตาร์เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทักแกเลย’ แอนโทนิโอ ถามถึงเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งผมก็ได้แต่นิ่งเฉยไป เพราะคุณตาของผม แกไม่ค่อยอยากพบใครตอนนี้ ผมแค่มาตามสืบเรื่องราว ของตาผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่ง ที่เคยทำงานรับใช้ดิโอ แกบอกว่าคะเคียวอิน เป็นภรรยาคนที่ 2 ของ ดิโอ หลังจากโจนาธาน โจสตาร์ ซึ่ง ดิโอรักเขามาก ผมเลยไม่แปลกใจที่ทำไม สนมุนแต่ละคนของแก ไม่มีใครกล้าทำร้าย คะเคียวอินแม้แต่น้อย แต่ที่เขาโกรธ คะเคียวอิน และจะฆ่าภรรยาที่เขารักมากๆ ก็เพราะ เขารู้ว่าภรรยาคนที่ตัวเองรัก ได้ร่วมมือกับศัตรูหักหลังเขา

ผมยังจำได้ ตอนที่เราสู้กัน แกโกรธผม และโทษผม ว่าเป็นความผิดของผม ที่ไปทำให้ภรรยาของเขา ทรยศหักหลังเขา ด้วยการใช้พลังของเขา จับตรงจุดอ่อน และความลับของเขา ซึ่งเป็นสามี ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกนะ เพิ่งจะมารู้ก็ตอนที่ดิโอมาบอกผม ตอนที่ผมไปเตะตรงหัวเข่าแก จนแกลุกเดินไม่ได้ ต้องนอนอยู่ที่พื้น

‘เพราะแกคนเดียว โจทาโร่ ที่ทำให้ฉันต้องฆ่าภรรยา คนที่ฉันรักมากที่สุด’ ดิโอที่กำลังโกรธแค้น สาปแช่งผมเอ่ยขึ้น

‘นายหมายถึง คะเคียวอินน่ะเหรอ ถ้ารักมาก ทำไมนายถึงฆ่าภรรยาของตัวเองล่ะ?’

‘ก็มันท้องลูกมึงไง’ ดิโอกำลังจะลุกขึ้น ‘หน๋อยแอบคบชู้ไม่พอ ดันไปอุ้มท้องลูกมันอีก กูแม่งฆ่าทั้งแม่ทั้งลูกไปเลย เป็นไง พูดไม่ออกล่ะสิ หือ กูเนี่ยคิดผิดจริงๆ ที่ส่งภรรยาสุดที่รักของกูให้ไปฆ่ามึง กูไม่นึกว่าเมียกูจะทรยศหักหลังกู ไปคงคนของมึง’

‘มึงเป็นคนเอา ไอ้ก้อนเนื้อเหี้ยๆ ของมึงไปใส่ที่หัวภรรยาของมึง และบงการให้เขามาฆ่ากู ดีแค่ไหนที่กูไม่ฆ่าเขาซะก่อน’ ผมได้ทีก็สวนกลับทันที ‘มึงนี่มันเหี้ยจริงๆ’

ผมล่ะไม่เสียใจเลย ที่ไปฆ่ามัน ที่อียิปต์ ไคโร ตอนนั้นผมก็นึกว่า คะเคียวอินเสียชีวิตไปแล้ว แต่เขาดันฟื้นขึ้นมาจากความตาย และเดินมาหาผม เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยเป็นภรรยาของ ดิโอ ก่อนที่เขาจะมาเจอผม ความทรงจำของเขา หายไปตอนที่ผมดึงเจ้าก้อนเนื้อ ที่มีรูปร่างเหมือนแมงมุม ออกจากหัวของเขา เขาจำได้แค่ว่าเคยพบเจอกับดิโอ ตอนที่เดินทางมาที่อียิปต์ครั้งนึง แต่ความทรงจำในอดีต ที่เหลือของเขา กลับหายไปบางส่วน ตอนนี้เขาคงไม่กลับไปหา ดิโอซึ่งเป็นอดีตสามีของเขาอีก ต่อให้เขาพยายามยังไงก็คงนึกไม่ออกอยู่ดี ว่าเคยคบกันกับดิโอเมื่อไหร่

‘อืม แต่ผมสงสัย เรื่องของคุณโจทาโร่ กับ คะเคียวอิน ตกลงคุณสองคน เคยเจอบอส คนก่อนหน้าที่จะเจอกับ คิระใช่มั๊ย ผมได้ยินพวกคุณพูดถึงดิโอ’ โรฮังเอ่ยขึ้น ‘จริงๆ ผมรู้มากกว่านั้น ตอนที่เปิดหน้าหนังสือผ่านหน้าของ โคอิจิ ถึงรู้ว่าคะเคียวอิน เป็นคนรักของคุณ’

‘ใช่ แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีต เขาแค่ผู้ชายคนนึง ที่ฉันไม่สามารถรักเขาได้ โรฮัง’ ผมบอกแกไปอย่างนั้น

‘เพราะเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนอื่นใช่มั๊ย โจทาโร่?’ โรฮังมองหน้าผม ‘ผมพอจะรู้ ว่าคุณเคยคบกับเขา อีกอย่างคะเคียวอิน เป็นผู้ชายที่งดงาม ทั้งใบหน้าและจิตใจ ต่อให้ภายนอกเขาดูเย็นชา แต่จิตใจเขาเป็นคนดี เขายังแนะนำให้โคอิจิเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง และพวกผม พวกเราโชคดีที่ได้เขาเป็นครูฝึก แต่เสียดายที่เขาอยู่ที่นี่ไม่นาน’

‘ฉันมีลางสังหรณ์ว่า ซักวันเราคงได้พบกันอีก’ ผมพูดออกมาลอยๆ ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน ไปหาคุณตาของผม โจเซฟ โจสตาร์

ในขณะที่ผม กับคุณตาของผม นั่งอยู่ในเรือ ของสปีด แวกอน คุณตาของผมถึงเริ่มเอ่ยขึ้นถึงเรื่องราว ที่พวกผมเดินทางไปอียิปต์ แกบอกว่า เจ้า Death 13 หลังจากที่โดนคะเคียวอินแก้แคนคืนอย่างแสบๆ แกยังโดนดิโอด่าแหลก ไปดันไปทำร้ายภรรยาสุดที่รักของเขา เจ้าเด็กเบบี้คนนั้นก็น่าสงสารนะ แกถูกส่งให้มาเล่นงานผม แต่มันดันไปเล่นงานผิดคน เลยทั้งโดนแก้แค้นแรงๆ และก็พอกลับไปก็โดนด่ายับอีก

‘แกคงรู้ล่ะสิ นะโจทาโร่ ว่าคะเคียวอิน เป็นภรรยาของ ตาดิโอ ก่อนที่เขาจะมาเจอกับแก และพวกเขามีลูกชายด้วยกัน 1 คน ก็คือ มิคาอิล อัลบาท๊อฟ แกอาศัยอยู่ที่รัสเซีย แต่แกดูเหมือนแม่ มากกว่าพ่อ ปัจจุบันนี้แกอยู่ทีมเดียวกันกับ โจรูโน่ โจบาน่า พี่ชายต่างมารดาของแก ฉันไปได้ยินเรื่องนี้จากตาโปนาเรฟ ตอนที่เขาเป็นที่ปรึกษาให้กับทางนั้น’ คุณตาของผมเอ่ยขึ้น ก่อนที่แกจะหยิบภาพถ่ายมานึงใบ ให้ผมดู ซึ่งเป็นภาพถ่าย งานแต่งของ ดิโอ กับ คะเคียวอิน ซึ่งตอนนั้นกำลังตั้งครรภ์ บุตรชายของดิโอ 6 เดือนกว่าๆ ทว่าใบหน้าของเขา กลับดูงดงาม เหมือนตอนนี้ไม่มีผิด พวกเขาสองคนคงร่วมรักกัน จนคะเคียวอินตั้งท้อง ดิโอเลยตัดสินใจแต่งงานกับเขา พอหลังจากที่ คะเคียวอิน คลอดบุตรชายของเขาเสร็จปุ๊บ เขาก็ส่งภรรยาของเขา ให้มาฆ่าผม ที่ญี่ปุ่น

‘นายพอจะรู้เรื่องนี้แล้วสินะ โจทาโร่’

‘แล้วคะเคียวอิน รู้เรื่องนี้มั๊ย เหมือนตอนที่ผมถามเขา เขากลับนึกไม่ออก’

‘อาจเป็นเพราะนายดึงเจ้าก้อนเนื้อนั่น ออกจากหัวของเขา ความทรงจำของเขา เลยขาดหายไปบางส่วน’ คุณตาของผมเอ่ยขึ้น ‘แต่แหวนแต่งงาน ของเขากับตาดิโอ เขายังคงสวมมันอยู่’

‘เขาคงจำไม่ได้หรอก โจทาโร่ นายอย่าไป รื้อฟื้นความทรงจำเขาเลย แค่เขายอมร่วมมือกันกับเรา แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ’

‘ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเขาเป็นคนที่ผมรักไม่ได้จริงๆ’ ผมคงต้องทำใจแล้วล่ะ บางทีผลไม้บางอย่างคงเป็นผลไม้ต้องห้ามจริงๆ ผมก็หลงเสน่ห์ ของคะเคียวอินเหมือนกัน เขาไม่ได้เป็นแค่คนที่มีเสน่ห์อย่างเดียว แต่เขากลับเป็นคนที่สวยมากๆ ก็ไม่แปลกหรอก ที่ ดิโออยากได้เขามาเป็นภรรยาอีกคน หมอนี่เป็นประเภทที่อยากได้อะไรก็จะต้องเอามาให้ได้ ยิ่งแกรับรู้ถึงสัมผัสพลังของคะเคียวอิน แกเลยให้คนของแกไปเชิญเขามาที่บ้านของแก ก่อนจะจับปล้ำทำเมีย แล้วก็ได้ผล ผมเองก็เพิ่งจะมารู้ ตอนที่ผมถูกปล่อยตัวออกจากคุก ที่สถานีตำรวจ ตอนนั้น คะเตียวอินได้ทำงานรับใช้สามีของเขา ด้วยการมาฆ่าผม ที่ญี่ปุ่น ครั้งแรกก็ที่ทำให้หัวเข่าผมเลือดออก กับให้ผ้าเช็ดหน้าผม ครั้งที่สอง ก็ตอนที่ใช้ตัวแสตนด์ของเขา ควบคุมพยาบาล ที่โรงเรียนผม ให้มาฆ่าผม แต่ดีที่ตัวแสตนด์ของผมเก่ง และแข็งแรง เลยสามารถเอาชนะ ตัว Hierophant green ของเขาได้สำเร็จ

แต่สุดท้าย ผมกลับเลือกที่จะช่วยเขา เพราะอย่างน้อย เขาน่าจะช่วยผม ตามหาสามีของเขา ที่ส่งเขาให้มาฆ่าผม และพรรคพวกของคุณตาผม ที่ญี่ปุ่น แต่ดีที่ผมดึงเจ้าก้อนเนื้อนั่นออกทันเวลาพอดี ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาฆ่าผมกับ พวกคุณตาของผม ก่อน ทุกๆคนในทีม ร่วมเดินทางไปไล่ล่าดิโอ รู้กันหมดว่า คะเคียวอินเป็นภรรยาของดิโอ มีแต่ผมคนเดียว ที่ยังไม่ค่อยทราบเรื่อง จนกระทั่งคุณตาโจเซฟ มาบอกผมก็ตอนนี้เอง แกมีหลักฐานหมดทุกอย่าง ที่จะเอามาให้ผมดู ‘ไม่แปลกใจเลยสินะ ว่าทำไม สมุนของดิโอ ไม่กล้าทำร้ายคะเคียวอิน มีแต่มาเล่นงานพวกเราอย่างเดียว’

‘แต่สุดท้ายดิโอก็ฆ่า คะเคียวอินอยู่ดี’

‘มันคงแค้นที่รู้ว่า ภรรยาที่เขารักมากๆ ดันมาหักหลังเขา’ คุณตาผมบอก ‘เป็นฉันก็คงแค้นเหมือนกัน มีที่ไหน เมียที่รักมากๆ ดันไปส่งข่าวคราวเรื่องความลับของผัวไปให้ศัตรูรู้ล่ะ นายอย่าลืมนะ ตอนนั้นคะเคียวอิน ท้องลูกนายด้วย’

‘ถึงว่าทำไม มันโทษผม’ ผมมองวิวทิวทัศน์ภายนอก และโจสุเกะ ที่โบกมือลาพวกผม กับคุณตา โจเซฟ ดูเหมือนแกจะโมโหตอนที่โจสุเกะ ใช้พลังดึงรูปถ่ายของคุณตาผม และเงินหลายหมื่นเยน ของเขาไป แต่พอผมบอกว่าแกเป็นคนจิตใจดี แกเลยหยวนๆ ไป เพราะอย่างน้อยโจสุเกะ ก็เป็นลูกชายของแกเหมือนกัน

Kakyoin 1

Kakyoin 1

วันนั้นหลังจากเดินทางมา พักผ่อนที่เมืองมาริโอ โจทาโร่ ชวนผมมาที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ที่ขึ้นชื่อ ของเมืองนี่ อยู่ในโรงแรมที่ผมพักด้วยกันกับสามี สองคน ในขณะที่ส่งลูกชายมาเรียน ได้ซักเดือนนึง ทาโร่ไม่ค่อยผูกพันธ์กับพ่อแท้ๆของแก เนื่องจากห่างเหินกันเป็นระยะเวลา ตอนแกเด็กๆ ผมมักจะอาบน้ำให้แก เลยสังเกตุเห็น ปานรูปดาวตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของแก เลยนึกถึงโจทาโร่ ปรกติ ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย โจทาโร่ คงไม่เรียกผมมาหรอกนะ แต่นี่คงต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง เกิดขึ้นที่นี่

ผมนั่งด้วยกันกับ สามี และโจทาโร่ ซึ่งกำลัง นั่งอยู่ในคาเฟ่ ดื่ม อ๊าฟเตอร์นูนที และมีขนมหวานฝรั่งเศส กับแซนวิช ชิ้นเล็กๆตั้งอยู่ ที่นี่บรรยากาศดูเหมือนอยู่เมืองนอก ไม่ทันไร โจทาโร่หยิบซองพลาสติก ที่ข้างในมีกระดุม 1 เม็ด สามีของผม แอนโทนิโอเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดี หลังจากที่เห็นเจ้าเม็ดกระดุม ที่อยู่ในถุงพลาสติค

‘แน่ใจนะว่าได้มาจากโจสุเกะ?’ แอนโทนิโอถาม โจทาโร่ถึงเริ่ม เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกผมฟัง เรื่องที่ว่าโจสุเกะได้กระดุมมายังไง จากใคร

‘อะ อะไรนะ ชิเงจี้ เป็นคนเอาเจ้ากระดุมนั่นให้โจสุเกะ แต่เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่โดนระเบิดของ คิระฆ่าตายไปแล้วเหรอ?’

‘ฉันเกรงว่า เจ้าเด็กคนนั้นดันไปรู้ความลับ ของคิระ คิระเลยเล็งจะเก็บเขาแต่แรก มันก็ไม่แปลกหรอกนะ’ ผมเริ่มนึกย้อนไปถึง ตอนสู้กับดิโอ ก่อนที่จะโดนหมอนี่ฆ่าตายซะก่อน เพราะผมพยายามจะใช้พลังของตัวเอง จับพลังของเขา เพื่อส่งข้อมูลให้ คุณโจสตาร์ และพรรคพวก ดิโอเลยจ้องจะฆ่าผมคนแรก มันก็ไม่ต่างอะไรกับ ชิเงจี้ แต่เจ้าเด็กคนนั้นก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร เลยนี่นา แกแค่สงสัยเลยพยายามจะสิบสวนคิระ แต่หารู้ไม่ว่าหมอนี่ ไม่ใช่วายร้ายธรรมดาๆ

‘มันก็คงใช่ แต่คุณโชคดี ที่ผมช่วยชุบชีวิตคุณไว้ แต่ชิเงจี้ดันไม่ได้โชคดีเหมือนคุณน่ะสิ’ แอนโทนิโอ เอ่ยขึ้น แกสามารถมองเห็นภาพในนิมิตหลังจาก แตะวัตถุหลักฐาน ชิ้นสำคัญ แต่แกก็เตือนเรื่องที่จะไปตามสืบถึงร้านซักเสื้อ ‘นายกับเจ้าหนู โคอิจิ ระวังตัวด้วยนะ ถ้าจะตามสืบถึง ตาคนนี้ หมอนี่ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ตามจับง่ายๆ ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเขาชื่ออะไร แต่ฉันเห็นแค่ใบหน้า และชุดที่เขาใส่’

‘ขอบคุณมากนะ แอนโทนิโอ คะเคียวอิน ที่ยอมสละเวลามานั่งคุยกับฉัน และ โคอิจิ’ โจทาโร่เอื้อมมือ มาจับมือผม ก่อนจะเดินออกจากร้านคาเฟ่ และเดินทางไปที่ร้านซักเสื้อ

‘จริงๆแล้ว ฉันว่า ฉันรู้ชื่อหมอนี่นะ แต่ฉันไม่บอกโจทาโร่ เพราะเขาต้องรู้ด้วยตัวเขาเอง’ แอนโทนิโอเอ่ยขึ้น โชคดีที่ว่า เจ้าคิระ โยชิคาเกะ ยังไม่เดินเข้ามาในร้านคาเฟ่ ซักพักเราสองคนออกไปนั่งเรือเล่น ที่ทะเล มันทำให้เรานึกถึงบรรยากาศตอนเดินทางด้วยเรือไปที่อียิปต์ ตอนนั้นเราก็เจอศัตรู แถมยังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่แอบขึ้นเรือ มากับพวกเรา หล่อนชื่อแอน คงเป็นตอนนั้นที่ผมเริ่มมีอาการเหมือนคนเมาเรือ ทั้งที่ผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรงราวกับนักสู้อย่างผม คงไม่มีโอกาสที่จะมานั่งเมาเรือง่ายๆ เพราะตอนนั้นผมตั้งครรภ์อ่อนๆ ลูกของโจทาโร่ ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

‘คะเคียวอิน นายเป็นอะไรมากมั๊ย ถ้าไม่สบายก็นั่งพักก่อนก็ได้นะ’ คุณโจสตาร์ยังคงเป็นห่วงคณะร่วมเดินทาง แกเอายาดมมาให้ดม เพื่อช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะ ดีมี่ว่ามันช่วยได้บ้าง แอนแนะนำให้เอาน้ำขิงมาให้ผมดื่ม ซึ่งมันก็ช่วยให้อาการดีขึ้นมาบ้าง นิดหน่อย

พวกเราไม่ค่อยมีประสบการณ์ที่ดีมากนัก ในการนั่งเรือ พอตอนนั้นเรือดันพังซะก่อน พวกเราเลยต้องมานั่งเรือลำเล็กๆ ตอนกลางคืน เพราะพรรคพวกตาดิโอ มาเล่นงานเรา เหมือนเป็นตัวถ่วงทำให้ภารกิจ ของพวกเราพังซะก่อน แต่ดีที่ว่า ตัวแสตนด์ ของแอนโทนิโอ ทำให้ผมหลับสบายเต็มอิ่ม ในอ้อมแขน ตอนกลางคืนราวกับได้นอนบนเตียงนุ่ม ‘คนท้องน่าจะได้ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่งั้นลูกจะมีร่างกายไม่แข็งแรง’ คุณโจสตาร์เอ่ยขึ้น หลังจากนั้นทุกคนในทีม พยายามปกป้องผมราวกับไข่ในหินไม่ว่า จะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นก็ตาม

ซึ่งนั่นก็ผ่านมาซัก 15 ปีที่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังนอาบแดดในชุด ยูนิฟอร์มแปลกๆ ซึ่งก็คือชุดเสื้อเขียวข้างใน และชุดโคท สีครีม กางเกงขาวยาว และก็สวมรองเท้าสีเขียว ผมยังสวมแว่นกันแดด สีดำอยู่ เนื่องจากเคยผ่านประสบการณ์เลวร้าย ในการสูญเสียการมองเห็น ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์มือถือ แอ๊ปเปิ้ล ที่มีปลอกโทรศัพท์เป็นรูปเชอรี่ ติดอยู่ข้างหลังดังขึ้น ผมเพิ่งนึกออกว่าเคยให้เบอร์มือถือ โคอิจิ ไว้ตอนเจอแกครั้งแรก ผมบอกแกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรจะขอความช่วยเหลือ ก็ให้แกโทรเข้าเบอร์มือถือเมื่อไหร่ก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าช่วงที่ผมกำลัง อยู่ในอารมณ์โรแมนติกกับสามี จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

‘ฮัลโหล โคอิจิ ใจเย็นๆ หนูโทรบอกโจสุเกะหรือยัง?’

‘โทรบอกแล้วครับ แกบอกแกกำลังจะมา ผมกลัวจะไม่ทันช่วยคุณ โจทาโร่ ตอนนี้คุณโจทาโร่โดนระเบิดของคิระ เพื่อพยายามจะช่วยผม จากระเบิด’ น้ำเสียงแกดูลนลาน ‘ผมควรจะทำไงดี เพราะตอนนี้ผมทำให้เจ้าระเบิด มันไปอีกทาง ตอนนี้ผมอาจหยุดมันไม่ได้ตลอด อีกไม่นานผมกับ คุณโจทาโร่’

‘ใจเย็นๆ หนูรีบพา โจทาโร่ ออกมาจากที่นั่นก่อน และหาที่ปลอดภัย รอน้าก่อนนะ น้าจะรีบตามไปหาหนู’ ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พอแกได้ยิน แกก็เริ่มสงบลงมานิดนึง และยอมทำตามคำแนะนำของผม ก่อนจะลุกจากเตียงนอนอาบแดด และไปหาแอนโทนิโอ ‘ที่รัก ฉันว่าเราน่าจะเดินทางกลับไปที่มาริโอนะ’

หลังจากนั้น ทันทีที่กลับมาที่ มาริโอ แอนโทนิโอ พาผมไปตรงจุดที่เกิดเหตุ เห็นโจทาโร่ นอนอยู่ ที่พื้น ร่างของเขามีรอยแผลจากระเบิด และโคอิจิ ที่มีรอยแผล ตรงหน้าท้องมีรูโหว๋ ดีมี่ว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่มันก็เหมือนกับจะทำให้ กระตุ้นไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ อียิปต์ตอนสู้กับดิโอ มันค่อนข้างจะกระทบกระเทือนจิตใจ แต่ผมก็ต้องลืมมันไปซะ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นในอดีต

‘คุณแม่ครับ ลุงโจทาโร่ไม่เป็นอะไรมากฮะแม่ เขาเรียกหาแต่คุณแม่อยู่ฮะ’ ทาโร่ตะโกนเรียกผม ซึ่งผมรีบไปหาเขาทันที

‘คะเคียวอิน ในที่สุดก็ถึงตาฉันซะทีสินะ ฉันไม่นึกว่านายจะมาหาฉัน ในตอนที่กำลังใกล้จะ’ โจทาโร่พูดยังไม่ทันขาดคำผมกลับเอื้อมมือไปแตะตรงริมฝีปากของเขา เบาๆ ยังนึกได้ถึงตอนที่ผมยังนอนหมดสติในอ้อมกอดของเขา หลังจากที่หมดลมหายใจ ตอนที่ร่างผมกระเด็นไป ตกอยู่ที่แท๊งค์น้ำ ตอนอยู่ที่อียิปต์ ตอนนั้นผมได้ยินเสียงสะอื้นให้ ของโจทาโร่ซึ่งปรกติแกเป็นคนเข้มแข็ง และไม่เคยหลั่งน้ำตาออกมาให้เห็น ถึงแม้ว่าตอนที่แม่เขาป่วยใกล้ตาย เขาก็ไม่เคยจะร้องไห้ออกมาเลย นอกเสียจากว่าจะมีอะไรมากระทบจิตใจเขา มากจนถึงที่สุด ตอนนั้นคุณโจสตาร์มองหน้า คุณแอนโทนิโอ ก่อนที่เขาจะใช้พลังของแสตนด์ของเขา ที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ มาช่วยทำให้ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

‘ทำใจให้ดีๆนะ โจทาโร่ โจสุเกะ กับพรรคพวกของเขากำลังจะมาถึงอีกไม่นาน เข้มแข็งไว้นะ’ ผมจับมือของเขา รอจนกระทั่งโจสุเกะมา ผมถึงผละออกไป ปล่อยให้เจ้า เครซี่ ไดม่อนทำหน้าที่ของมันเอง และก็ได้ผล ทั้งโคอิจิ กับ โจทาโร่หายดี จากบาดแผลอย่างเมื่อกี้ที่ได้เห็น ก่อนที่พวกเราจะวิ่งตาม มือปริศนา ของคิระ จนมาหยุดอยู่ที่ ร้าน ซินเดอเรลล่าของ ยูคาโกะ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นร่างของ ซึจิ อายะระเบิดไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรหล่อนได้เลย แต่แอนโทนิโอ กอดร่างผมเอาไว้ เพื่อป้องกัน แรงระเบิด ก่อนที่พวกเราจะวิ่งออกไปข้างนอก

‘ไม่เป็นไรนะ คะเคียวอิน’ โจทาโร่กอดผมไว้ ในอ้อมแขน ก่อนจะก้มลงมามองหน้าผม ที่ยังซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา

‘ฉันไม่เป็นไรหรอก โจทาโร่ นายควรจะห่วงโคอิจิมากกว่านะ’ ผมหันไปมอง โคอิจิ ที่ตะโกนเรียกคิระ แต่หมอนั่นคงหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แกคงไม่ยอมให้ใครตามจับแกง่ายๆหรอก ต่อให้โดนตัดมือขาดไปข้างนึงก็เถอะนะ

Anotonio 1

Antonio 1

หลังจากพวกผม กลับมาจากการเดินทาง ไล่ล่าตาดิโอ ผมกับคะเคียวอิน ได้กลายเป็นสามี ภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ทว่าคะเคียวอินกลับมีลูกติด 1 คน ก็คือ ทาโร่ ซึ่งเจ้าเด็กชายคนนี้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นลูกของใคร จนกระทั่งแกเริ่ม โตเป็นหนุ่ม อายุ ประมาณ 15 ปี ตอนนั้นแกเริ่มมีเค้าโครง ว่าจะเหมือน โจทาโร่ คุโจ แต่ใบหน้าและทรงผม เหมือน คะเคียวอิน

คงเป็นเพราะสาเหตุนี้ละมั้ง ที่เพื่อนผม โจเซฟ โจสตาร์ ต้องการให้ผมชุบชีวิต คะเคียวอิน เนื่องจากเขาตั้งครรภ์อ่อนๆ ในช่วงที่พวกผมตั้งแคมป์ ห่อนเดินทางไป ที่ไคโร อียิปต์ ซึ่งเขาก็ไม่ได้แสดงอาการแพ้ท้องแต่อย่างใด เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเอง กำลังจะเป็นแม่คน แต่มารู้ทีหลังก็ตอนที่ตัวเองจะใกล้ตาย ซึ่งผมก็ได้ทำการชุบชีวิตเขาขึ้นมาอีกครั้ง คุณโจสตาร์ อยากให้เหลนแกรอดตาย จะได้เป็นทายาท คนต่อไป ของตระกูล โจสตาร์

แต่บังเอิญแกเกิด ที่อิตาลี่ และแกไม่เคยเห็นหน้าบิดาแท้ๆ ของแก แกเลยนึกว่าผมเป็นพ่อ เพราะแม่ของแก เป็นเมียผม เราจดทะเบียนสมรสก่อนจะแต่งงานกัน ในเมืองเวทย์มนต์ ซึ่งสำหรับสถานที่แห่งนี้ ไม่จำกัดเพศ เพราะถือว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่า ชาย ชาย หญิง หญิง หรือคู่ หญิงชาย ถ้าจะแต่งงานก็ต้องมีการจดทะเบียนสมรสอยู่ดี

ตอนนั้น เมียผมอยากให้ลูกมีเพื่อน เหมือนเด็กคนอื่นๆ เนื่องจาก เมื่อภรรยาผมตอนเด็ก เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด หลังจากที่เขามีตัวแสตนด์ แต่ตอนนี้พอมาร่วมเดินทางกับ เพื่อนผม เขาก็รู้ว่ามีพรรคพวกเดียวกันกับเขา ผมเลยส่งทาโร่ ลูกเลี้ยงของผม ให้แกไปอยู่ที่เมือง มาริโอ เพราะที่นั่นมีพวกเด็กๆ รุ่นใหม่ที่ใช้แสตนด์กันเยอะ และผม กับ ภรรยาก็จะเดินทางไป พักผ่อนที่โน่น เพื่อไปเยี่ยมลูกเลี้ยงของผม

ในระหว่างการเดินทาง คะเคียวอิน นั่งรถด้วยกันกับผม ซึ่งมีคนขับรถอยู่แล้วเป็นคนของ สปีดแวกอนเดินทางไปพักโรงแรม ห้าดาว ที่อยู่ติดกับทะเล ท่าเรือแถวๆนั้น พวกเราก็ไม่นึกหรอกนะ ว่าจะได้มีโอกาสพบเจอ โจทาโร่ อีก ซึ่งเป็นเพื่อนเก่า ในช่วงพักร้อนที่มาริโอ ผมได้สอบถามเรื่องราว เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว จาก โทนิโอ เพื่อนสนิท ของผม ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารอิตาเลี่ยน ในหมู่บ้านแห่งนี้ แกก็แนะนำอย่างละเอียด ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง พวกผมได้คนของ สปีด แวกอนคอยดูแล และอำนวยความสะดวกเกือบหมดทุกอย่าง แต่พวกเรานั่งเรือ คนละลำกับ เพื่อนผม โจเซฟ โจสตาร์ ผมก็มีคนของผมเหมือนกัน ที่เป็นทั้งคนขับเรือ และพนักงานเสิร์ฟอาหาร และพ่อครัว ซึ่งก็คือ คนในท้องถิ่ง ที่เมืองแห่งนี้

‘คุณเพิ่งไปเยี่ยมโจทาโร่มาสินะ’ ผมถาม คะเคียวอิน ตอนที่เราสองคน นั่งแช่ในอ่างอาบน้ำ บนเรือ เขาสวมแค่กางเกงว่ายน้ำ หนึ่งตัว ผมเองก็เหมือนกัน เรายังคงนั่งชมวิว ทิวทัศน์ภายนอก ที่นี่บรรยากาศค่อนข้างดี และนั่งจิบไวน์องุ่น ผมได้สั่งให้พนักงานของผม เตรียมชามแก้ว ใส่ลูกเชอรี่เยอะๆ ไว้ให้ภรรยาผม โดยเฉพาะ คะเคียวอิน หยิบเชอรี่จากชามแก้ว มานั่งกิน ก่อนจะหันมามองหน้าผม

‘ใช่ ฉันได้รู้จัก พวกคนใช้แสตนด์ รุ่นใหม่เยอะมาก’ เขาหันมามองผม กับส่งยิ้ม อย่างอ่อนโยนให้ผม ผมก้มลงประกบจูบ บนริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเขา อย่างนุ่มนวล ก่อนจะค่อยๆ ผละออกมาช้าๆ แล้วใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผม สีแดง ที่เป็นลอนยาวลงมา บังตรงตาข้างซ้าย โทนิโอพูดถูก ผมโชคดีที่ได้ภรรยาที่หน้าตาสะสวย แต่เขาจะมีรอยแผลนิดๆ ตรงตา ‘ที่ฉันเลือกแต่งงานกับนาย เพราะตอนที่ฉันตาบอด นายเป็นผู้ชายคนแรก ที่เอาใจใส่ และดูแลฉันตลอด ในขณะที่คนอื่นๆออกไปทำภารกิจ ข้างนอก ตอนอยู่อียิปต์’

ใช่ผมเป็นคน ขออาสาอยู่ที่โรงพยาบาล คอยดูแลเขาตลอด ในขณะที่ โจทาโร่ และพรรคพวกออกไปทำภารกิจ ผมมักจะมานั่งเฝ้าไข้เขาตลอดเวลา ยิ่งช่วงที่เขาตกใจ ตอนที่ตาเริ่มมีอาการมองไม่เห็น ผมนี่แหล่ะ ที่มักจะอยู่เคียงข้างเขา โจทาโร่ก็รักเขาเหมือนกัน ผมได้แต่ปลอบใจเขา ว่าซักวันเขาจะสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ผมคอยแอบใช้พลังของผม ช่วยทำให้ดวงตาเขากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง

หลังจากนั้น เรานั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ คะเคียวอิน ก็ยังนั่งรับประทานอาหาร ด้วยกันกับผม ก่อนจะมองภาพถ่าย ความทรงจำตอนที่เดินทางไปอียิปต์ด้วยกัน ในภาพถ่าย มีผม ยืนกอดเอวของคะเคียวอิน และก็โจทาโร่ โจเซฟ โจสตาร์ โปราเรฟ เจ้าหมาน้อยอิกกี๊ กับ อัปดุล ตอนนั้น คะเคียวอินกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ซึ่งก็คือทาโร่ นั่นเอง ผมรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ ของแก เพียงแต่ผมแค่ไม่บอกแกเฉยๆ อันนี้เป็นรูปภาพในอดีต แต่ตอนนี้ คะเคียวอิน ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนชาย สีเขียวอีก เขาสวมชุดอีกแบบ ที่เปิดหลัง และรวบผมสีแดงยาวไว้ด้านหลัง เป็นเสื้อโอเวอร์โคท กับ เสื้อแขนยาว สีเขียวอยู่ข้างใน เขาใส่แว่นกันแดดสีดำ นอนอาบแดดอยู่

ซักพักเสียงโทรศัพท์ ดังเขาเลยเอื้อมมือไปรับ โทรศัพท์บนแท่นวาง ในขณะที่กำลัง นั่งดื่มน้ำผลไม้ กับกินเจ้าเชอรี่ ในชามแก้ว ‘ฮัลโหล โคอิจิ ใจเย็นๆ หนูตั้งสติก่อน น้าไม่เข้าใจ ว่าหนูต้องการจะให้น้าช่วยอย่างไร โอเค หนูบอกโจสุเกะยัง ว่าโจทาโร่โดนระเบิด ของคิระ อืม เอางี้ หนูรีบพาโจทาโร่ออกมาจากที่นั่นนะ และก็ไปหาที่หลบภัยซ่อนตัวก่อน เดี๋ยวน้า ค่อยตามไป แค่นี้นะ’ คะเคียวอินดูเหมือนจะ ใจเย็น และรับรู้สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ราวแม่กับลูก ผมที่กำลังขับเรืออยู่ หันไปมองหน้าภรรยา ที่ยังนอนอาบแดดชมวิว อยู่

‘ที่รัก เราต้องกลับไปที่โมริโอแล้วล่ะ’ คะเคียวอินบอกผม ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำเสียงเขาไม่ค่อยดูร้อนรน แต่สีหน้าเขาดูเศร้าๆ เขารู้อยู่แล้ว ว่าต้องเกิดเรื่องร้ายๆ กับโจทาโร่แน่ๆ พวกเราเลยรีบขับเรือกลับไปที่โมริโอ ไม่แปลกใจเลยว่า คะเคียวอินจะมีสติ และมักจะเอาตัวรอดได้หมดทุกสถานการณ์ นี่คือสาเหตุที่ทำไม เพื่อนผม โจเซฟ ถึงเลือกเขา ให้มาร่วมเดินทางด้วยกัน ทันทีที่เรือจอดถึงท่าเรือ ที่โทริโอ พวกผม รีบขับรถ ไปที่บ้านของโจสุเกะ และกดกริ่งหน้าบ้าน โชคดีที่โจสุเกะมาถึงพอดี ผมรออยู่ในรถ เห็นภรรยาผม คะเคียวอินยืนอยู่หน้าบ้านโจสุเกะ และโจสุเกะ เดินออกมา โจสุเกะ ให้เขาเข้ามาในบ้านซักพักก็รีบออกมา และเข้ามานั่งในรถผม ด้วยกันกับ โอคุยาสุ และทาโร่ โจสุเกะบอกทางผม ในขณะที่พวกเรา นั่งรถไปด้วยกัน

ทันทีที่ไปถึงจุดเกิดเหตุ พวกผมเอารถไปซ่อนก่อนจะ รีบเดินไปหา โจทาโร่ กับ โคอิจิ คะเคียวอิน รีบไปหาโจทาโร่ก่อนคนแรก ส่วนตาคิระ โดนอัดน็อคลงไปนอนนับดาวอยู่ที่พื้น โจทาโร่ยังคงมีสติอยู่ แต่เจ้าเครซี่ ไดม่อน ของโจสุเกะได้ออกมา ทำการรักษาพวกเขาสองคน คะเคียวอินยังคงอยู่เคียงข้างโจทาโร่ ต่อให้โจทาโร่เจอเรื่องร้ายๆ มากแค่ไหนคะเคียวอินก็ยังคงจะอยู่กับเขา ต่อให้แลกมาด้วยชีวิตก็ตาม

‘แปลกนะว่ามั๊ย ฉันว่า คะเคียวอิน กับโจทาโร่ เป็นรักแท้จริงๆนะ ขนาดโจทาโร่เจอเรื่อง คอขาดบาดตายคะเคียวอินก็ เลือกจะอยู่กับเขาเลย’ โอคุยาสุบอก โจสุเกะ

‘อืม ฉันเห็นด้วยนะ โอคุยาสุ’ โจสุเกะเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินไปหาคิระ ส่วนผม รีบเข้าไปดูอาการของ โจทาโร่ และโคอิจิ ผมก็ว่าสองคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนตายอย่างเดียว แต่มันมีอะไรที่มันมากกว่า แค่คำว่าเพื่อน ส่วนทาโร่ แกก็ไปช่วยโคอิจิ พวกเราวิ่งไปตามมือของ คิระที่โดนเจ้าของ ใช้แสตนด์ ตัดขาดออกจากมือ

‘โจทาโร่ ฉันเตือนนายแล้วนี่ ว่าให้ระวังคิระ โยชิคาเกะ’ คะเคียวอินหันไปคุยกับ โจทาโร่

‘แต่ร้ายกว่านี้ ฉันก็เคยเจอมาแล้ว อย่างนี้ไม่น่าจะมีอะไรนะ’

‘ร้ายกว่านี้ หมายถึง ที่นายสู้กับดิโอรึ อย่าเอาไปเทียบกับหมอนั่นเลย ขนาดฉันยังโดนมันฆ่าตายไปครั้งนึง ตอนสู้กับมัน ตัวนายเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน’

‘อย่าไปพูดถึงดิโอเลย นั่นมันกระดูกคนละเบอร์กัน กับคิระ เชื่อผมสิ ผมคงไม่ยอมให้โคอิจิไปสู้กับดิโอเด็ดขาด’ โจทาโร่หันไปพูดกับ คะเคียวอิน

‘แต่ดิโอตายไปแล้วนี่’ ผมเอ่ยขึ้น ใช่ผมเห็นโจทาโร่สามารถฆ่าเขาได้ แต่ที่ผมสงสัย เจ้าคิระ มันจะหนีไปได้ไกลแค่ไหน ในเมื่อตอนนี้มันมือขาดไปข้างนึง กำลังบาดเจ็บ และมันเดิน ส่วนพวกผมวิ่งจนตับแล๊บแทบตาย ทำไมยังตามมันไม่ทันซักที หมอนี่มันเป็นเต่านินจากลับชาติมาเกิดหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ซักพัก ก็มาถึงที่ ซินเดอเรลล่า ซึ่งเป็นร้านซาลอน

‘อาจารย์อายะ’ โคอิจิ ตะโกนเรียก ชื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะที่เราเดินไป ตาม มือคิระ ที่นำทางพวกเรา พวกเราถามถึง ผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะแต่งหน้า ก่อนจะก้มลง มอง อายะ ที่นอนอยู่บนพื้น นางได้พูดถึงผู้ชาย คนนี้ที่ไม่มีใบหน้า ก่อนที่ร่างนางจะระเบิดไปกับหน้ากับตา

‘โอคุณพระช่วย ฉันไม่เคยเจอเรื่องอย่างนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย’ คะเคียวอินหันมามองหน้าผม ก่อนจะเดินตามคนอื่นไปที่ประตูทางออก ของร้าน ซินเดอเรลล่า

‘แล้วอย่างนี้ฉันจะไปบอกเจ้าหนู ฮายาโตะ ยังไงล่ะ? บอกแกว่าแม่แกโดนระเบิด ตายรึ?’ ผมถามโจทาโร่ ด้วยความสงสัย

‘เราทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ แอนโทนิโอ อีกอย่าง หมอนั่นมันคงหนีไปไกลแล้วล่ะ’ โจทาโร่เอ่ยขึ้น

บังเอิญไปได้ แรงบันดาลใจจากภาพวาด แฟนอาร์ต เลยจิ้นให้ คะเคียวอินอยู่ต่อภาคสี่ ตามภาพ

ก็ คะเคียวอินในเรื่อง ที่จิ้นว่า นางจะมาแบบไหน ในภาคสี่ ก็ตามภาพเนอะ ที่จิ้นนางไว้แล้ว

Kakyoin Noriaki 1

Kakyoin Noriaki

หลังฟื้นจากโลกแห่งความตาย ทั้งที่จริงๆ ผมน่าจะตายไปแล้วตอนที่โดนดิโอฆ่าตาย ที่แท๊งค์น้ำ ที่ด่านฟ้าบนตึก ที่ไคโร ประเทศอียิปต์ ตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่าง รอบตัวดันมืดหมด ราวกับหลงมาอยู่ในโลกอีกมิติหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ตัวหรอก ว่าตัวเองตายไปแล้ว รู้แต่ว่าเห็นโจทาโร่กอดร่างผมไว้ สีหน้าของแก ดูเศร้าๆ และโกรธแค้น ปากตะโกนด่าใครบางคน ไม่ทันไร แกก็ทิ้งให้ผม อยู่กับ แอนโทนิโอ ซึ่งกำลังใช้พลังเวทย์มนต์ กับก้อนหินคริสตัล หน้าตาแปลกๆ

ก่อนที่ผมจะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา อยู่ในอ้อมแขนของ แอนโทนิโอ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นโจทาโร่ กำลังต่อสู้กับดิโอ ผมคิดว่าแกไม่น่ารอด เลยจะตามไปช่วยแก เพื่อจะหาจุดอ่อน และจับพลังของดิโอ ตอนนี้พอลืมตาขึ้นมา เห็น คุณโจสตาร์ กับโปนาเรฟ ก้มลงมองผม ที่ยังนอนใน อ้อมแขนของแอนโทนิโอ

‘คะเคียวอินฟื้นแล้ว’ โปนาเรฟเอ่ยขึ้นราว กับเป็นเรื่องอัศจรรย์

‘แสดงว่า พลังของนายได้ผลจริงๆ’ คุณโจสตาร์หันไปมอง แอนโทนิโอ

‘เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมฉันถึง มาอยู่นี่ได้ล่ะ?’ ผมหันไปมองหน้าทุกคน ที่มามุงดู ‘โจทาโร่’

‘แกสู้กับดิโออยู่’ โปนาเรฟ เอ่ยขึ้น

‘คุณอย่าเพิ่งไปเลย คะเคียวอิน ขืนคุณไปตอนนี้ คุณจะแย่’ คุณโจสตาร์เอ่ยขึ้น ‘แอนโทนิโอ แกรีบพาคะเคียวอินไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัย พยายามอย่าให้ดิโอ มันรู้เด็ดขาดว่า คะเคียวอิน ยังมีชีวิตอยู่ ไม่งั้นแกกับ คะเคียวอิน จะพลอยโดนมันดักทำร้ายเอา หมอนี่แสบยิ่งกว่า วายร้ายรายอื่นๆ’

หลังจากนั้น การต่อสู้กับ ดิโอได้สิ้นสุดลง แอนโทนิโอ บอกผมให้เดินไปหา โจทาโร่ ที่กำลังยืนไว้อาลัยพรรคพวก คนที่เสียชีวิต ในสงคราม สีหน้าเขาดูค่อนข้างช็อค หลังจากที่เขาเห็นผมเดินเข้ามาหาเขา ราวกับเห็นผี

‘คะเคียวอิน คุณ?’ โจทาโร่จ้องหน้าผม ตอนนั้นเจ้า Hierophant green ก็ปรากฎตัวออกมาด้วย

‘แปลกใจมากเหรอ ที่เห็นฉัน’ ผมเอื้อมมือไปแตะแก้มเขา

‘แต่ผม คุณ’ เขามองหน้าผม สลับกับแอนโทนิโอ ก็พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น และรู้ว่าทำไมเห็นผมฟื้นจากความตาย เขากอดผมแน่นในอ้อมแขน ก่อนจะซุกหน้าลงบนหัวไหล่ ก่อนที่เขาจะจุมพิษผมบนริมฝีปาก ถึงแม้ว่าเราสองคน จะมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน แต่ผมไม่สามารถรักเขาได้ ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะอะไร ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะที่โจนาธาน ยอมให้ผมกลับไปมีชีวิตได้ แต่แกบอกว่า มีเงื่อนไขอยู่อย่างคือ ผมสามารถคบกับโจทาโร่ เป็นแค่เพื่อนรัก แต่เป็นอะไรมากเกินกว่านั้นไม่ได้ เพราะแกถูกลิขิต ให้แต่งงานกับมีลูกสาว 1 คน แต่ก็ใช่ว่าเราจะพบเจอกันไม่ได้

และนี่เป็นสาเหตุที่ผมเลือกแต่งงานกับ แอนโทนิโอ เพื่อที่จะได้มีโอกาส ที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อ ทั้งที่ความจริง ผมก็ยังรักเขาอยู่ แต่นั่นคงเป็นเรื่องในอดีต แต่ก่อนที่เราจะแยกย้ายกัน ต่างคนต่างไป โปนาเรฟ แกก็มาด้วยเหมือนกัน ผมได้บอกเขาเรื่อง ที่โจนาธาน โจสตาร์ เอ่ยเตือนเขา ให้ระวัง คิระ โยชิอาเกะ ซึ่งโจทาโร่ คงจะได้พบแกในอนาคต

‘ฉันว่าหมอนี่ ยังไม่แสบเท่ากับตาดิโอนะ แหมะ กว่าจะสู้มันได้นี่ เล่นกวนตีน หยุดเวลาบ่อยมาก แถมหมัดหนักชิบ’ แอนโทนิโอบ่น

‘หมอนี่ฆ่าฉันตายไปครั้งนึงล่ะ ตอนแรกก็ว่าจะจับพลังมัน ใครจะไปรู้ล่ะ ว่ามันจะมาฆ่าฉันซะก่อน แสบเหมือนกันนะรายนั้น’ ผมยังจำได้เลย ว่ามันต่อยทีท้องนี่ทะลุเป็นรูโหว่ แอนโทนิโอ แกมีเครื่องบินส่วนตัว ที่จอดรออยู่ที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว ตอนนั้นหลังแยกทางกันกับพวกโจทาโร่ ก่อนจะได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวของแก แกดันมาขอผมแต่งงาน ซึ่งผมก็ตอบตกลง ด้วยความเต็มใจ เครื่องบินส่วนตัวของแก ถือว่าเป็นเครื่องบินที่ราคาแพง และมีห้องนอน ห้องอาบน้ำส่วนตัว กับห้องรับแขก สำหรับนั่งดื่มไวน์ แชมเปญ ตอนแรกที่เห็น แอนโทนิโอ โบเซรี่ ตอนแรก ผมนึกว่า แกอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับ โจทาโร่ และผม แต่พอแกบอกว่า แกอายุเท่าคุณโจเซฟ โจสตาร์ ผมและพรรคพวกคนอื่นๆ นี่ตกใจแทบช็อค แกดูไม่เหมือนคนแก่เลยด้วยซ้ำ ขนาดโปนาเรฟ พยายามจะมองหา ร่องรอย ตีนกงตีนกาบนใบหน้าแก ก็หาไม่เจอ

ทีแรกพวกเรานึกว่าแกล้อเล่น แต่พอดูพาสปอร์ตแก ถึงรู้ว่า แกอายุเท่ากับ คุณโจสตาร์จริงๆ แต่คงไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดมากกว่านี้อีกแล้ว พวกเราโชคดีที่รอดมาได้ แต่ผมก็ห่วงความปลอดภัยของโจทาโร่ แต่คุณโจสตาร์ แกบอกว่าหลานแกอึด ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง และสุดท้ายแกรอดมาได้จริง

พอหลังจาก ที่พวกเราต่อสู้กับดิโอ ได้สิ้นสุดลง 10 ปีต่อมา พวกเราได้เดินทางไปเยี่ยมโจทาโร่ ที่บ้านเกิดของแก เราได้มีโอกาสพบเจอกันอีกครั้งนึง ซึ่งตอนนั้นโจทาโร่ แกวางแผนจะเดินทางไปยังหมู่บ้าน มาริโอโจ แกถือภาพถ่ายของ เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง โจสุเกะ ซึ่งเป็นลูกชายอีกคน ของคุณโจสตาร์

‘ฉันเพิ่งรู้หลังจาก คุณตาของฉันมาบอก ตอนแกป่วย’ โจทาโร่ได้ สารภาพความในใจออกมา ซึ่งเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ นอกจาก คุณโจสตาร์ ตอนนั้นแกป่วยหนักมาก และคิดว่าตัวเองจะไม่รอด ซึ่งตอนนั้นผมก็ได้ไปเยี่ยมแก กับสามี ด้วยกัน และตอนนั้นผมก็กำลังตั้งครรภ์ เลยเดินทางไม่ค่อยจะสะดวก

‘อ่าว แอนโทนิโอ นายพาคะเคียวอินมาด้วยเหรอ?’ คุณโจสตาร์ ถามเพื่อนแก ก่อนจะหันมามองผม

‘ใช่แล้วล่ะ คุณโจสตาร์ คะเคียวอิน เป็นภรรยาตามกฎหมายของฉันแล้วล่ะ และตอนนี้เรากำลังจะมีทายาท คนต่อไป ในตระกูลของฉัน พ่อแม่ฉันกำลังดีใจว่าจะได้มีหลาน’ แอนโทนิโอ บอก คุณโจสตาร์ ซึ่งแกก็ไม่ได้ว่าอะไร แกหันมายิ้มให้ผมพร้อมกับพูดว่า ‘ยินดีด้วยนะ แอนโทนิโอ คะเคียวอิน’

แต่สีหน้าของโจทาโร่ แกดูนิ่งๆ เผยให้เห็นแววตาของความเจ็บปวด แต่แกไม่ค่อยจะแสดงออกตรงท่าทาง แกเก็บอารมณ์เก่ง แต่มีเหรอที่ผมจะไม่รู้ ในเมื่อเรานอนพักห้องเดียวกัน ตลอด เนื่องจากเราสองคนเป็นเพื่อนนักเรียน แกดีใจที่ผมฟื้นขึ้นมาจากโลกแห่งความตาย แต่แกก็อยากจะอยู่ด้วยกันกับผม เพียงแต่ เรารักกันไม่ได้ ก็แค่นั้น เลยเป็นได้แค่เพื่อนรักกัน แต่ทางครอบครัวของ แอนโทนิโอ แกไม่ค่อยดูถูก หรือแสดงท่าทีรังเกียจ ตอนที่แกแนะนำให้ผมรู้จักกับทางบ้านของแก ที่อิตาลี่ ซึ่งเป็นบ้านเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่อง การทำพาสต้า กับอาหารอิตาเลี่ยน แกบอกว่าเพื่อนแก โทนิโอ กำลังวางแผนจะไปเปิดร้านอาหารอิตาเลี่ยน ที่เมือง มาริโอ ตอนนั้นเรา นั่งรับประทานอาหาร ด้วยกัน ที่บ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ ของเขา ที่สวนไร่องุ่น

‘จริงเหรอ โทนิโอ แกจะไปเปิดร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่นั่น’

‘ใช่ แล้วล่ะ รู้สึกว่าทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้จะติดใจฝีมือทำอาหารของฉัน’

‘อืม ก็ดีนะ ส่วนคนนี้ก็เมีย ฉันเอง คะเคียวอิน เขาเพิ่งจะได้เรียนรู้ ศาสตร์ เวทย์มนต์ใหม่ๆเยอะ’ แอนโทนิโอ เอ่ยขึ้น ในขณะที่พวกเรา นั่งรับประทานอาหาร อิตาเลี่ยน ฝีมือของโทนิโอ

‘เมียนายนี่ หน้าตาสวยนะ’ โทนิโอ เอ่ยชม ซึ่งสำหรับผม ผมเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ก็ได้แค่นั่งยิ้มแบบฝืนๆไป ก่อนจะขอตัวกลับเข้าไป นั่งอ่านหนังสือ ในห้องหนังสือ ที่บ้านของแก และปล่อยให้พวกเขา สองคนนั่งคุยกันถึง ความหลัง โทนิโอ เป็นเพื่อนสนิทของเขา ที่เป็นคนอิตาเลี่ยน และแกมีพลังแสตนด์ของแก ที่มีรูปร่างคล้ายๆ เจ้าลูกมะเขือเทศราชินี น่ารักๆ แต่การจะลงทุนทำร้านอาหาร ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ แต่คนอย่าง โทนิโอ แกคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ

Jotaro 1

Jotaro

วันนั้น หลังจากเดินทางมายัง เมือง โมริโอ เพื่อมาหา ลูกชายอีกคนของ คุณตาผม โจเซฟ โจสตาร์ ซึ่งก็คือ โจสุเกะ ฮิกาชิกาตะ แกอาศัยอยู่กับ คุณแม่ และคุณตาของแก ที่เป็นตำรวจ แต่แกจะไม่ชอบถ้าใคร ไปพูดจาเรื่องทรงผมของแก คุณจะด่าจะว่าอะไรแกก็ได้ แต่ถ้าพูดพาดพิงถึงทรงผมแกเมื่อไหร่ แกได้ของขึ้นพอดี อย่างคราวก่อนผมเผลอ พูดถึงทรงผมของแก ตอนที่เราพูดคุยกัน แกได้ปล่อย เครซี่ ไดม่อน ตัวแสตนด์ของแกมาอัดผม ดีที่ว่า ตัวสตาร์ แพลตทีนั่ม ของผม สามารถหยุดเวลาได้ และผมก็อัดสวน

แกไม่ค่อยถือตัว มากเท่าไหร่ ตอนที่ผมบอกแก เรื่องคุณตา โจเซฟ โจสตาร์ พ่ออีกคนของแก เลยกลายเป็นว่าแกเป็นคุณอาอีกคนของผม ซึ่งเขาเป็นบุตรชายต่างมารดาของ คุณตาโจเซฟ ผมเลยตัดสินใจ อยู่ที่เมือง มาริโอต่อ ตอนแรกแกขอโทษผม เพราะผมบอกแกว่าคุณยายผมโมโหแทบตายหลังรู้ความจริงว่าคุณตา แอบมีเมียอีกคน แต่ที่ผมสงสัย คือทำไมคุณตาผม โจเซฟ โจสตาร์ถึงไปบอกเพื่อนรักของแก แอนโทนิโอ ให้ไปชุบชีวิตคะเคียวอินคนเดียว แต่ไม่ใช่ อัปดุลกับ อิ๊กกี๊ ทั้งที่ พวกเขาก็เป็นนักสู้ร่วมทีมเดียวกัน แต่คุณตาของผม โจเซฟ โจสตาร์ ได้บอกความจริงกับผม เรื่องที่ คะเคียวอิน มีท้องลูกชายผม อีกคน แต่เขาไม่ยอมบอกใคร ตอนที่เขาสู้กับ ตาดิโอ พอเขาตาย ลูกในท้องเขา ก็ตายไปด้วย เพราะหมอนี่ แม่ง ต่อยหมัดทะลุท้อง แต่ทว่าแอนโทนิโอ ดันมีพลังคล้ายๆ โจสุเกะ คือสามารถสมานบาดแผล ตรงที่ท้องเป็นรู แกใช้พลังพิเศษของแก ทำให้ตรงรูที่หน้าท้อง เริ่มสมานกันเอง ราวกับไม่มีบาดแผลอยู่ภายใน และก็ รอยเลือดอะไรพวกนี้ก็พลอยหายไปด้วย คะเคียวอิน ฟื้นขึ้นมาจากความตาย

หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้พบกับลูกชายของ คะเคียวอิน ที่เกิดขึ้นมาจากผม แกดูเหมือนแม่แกมากๆ และตอนนี้แกอายุพอๆกันกับ โจสุเกะ กำลังจะมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ที่โรงเรียนมัธยมปลาย ที่เดียวกันกับโจสุเกะ ในเมื่อผมสนิทกับโจสุเกะ ผมเลยให้แกช่วยไปตามสืบเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้ และพลังแสตนด์ของแก

‘ห๊า นายหมายถึง เจ้า ทิโมธี่ น่ะรึ?’ โจสุเกะถามผม

‘ใช่ เด็กผู้ชายคนนั้นแหล่ะ ที่คุณตาของฉัน บอกว่าแกเป็นลูกชายแท้ๆของฉัน แม่แกก็คือเพื่อนร่วมเดินทางตอนไปที่อียิปต์’ ผมหยิบรูปถ่ายให้เขาดู ว่าเป็นคนไหน ผมชี้ตรง คนที่ผมสั้น สีแดงตรงผมทางด้านซ้ายของเขา ม้วนเป็นเกรียว ยาวลงมา ข้างหนึ่ง ใบหน้าสวยๆ และเขาสวมชุดนักเรียนชาย สีเขียว แบบชุดกักคุรันที่เป็น ชุดโอเวอร์โค้ท ผิวเขาขาวเนียนอมชมพู เหมือนคนญี่ปุ่น

‘คะเคียวอินเหรอ คือคุณแม่ของ ทิโมธี่?’ โจสุเกะถาม ก่อนที่จะมองภาพถ่ายในมือผม แต่ทิโมธี่ หรือชื่อภาษาญี่ปุ่นของแกก็คือ ทาโร่ ยังไม่รู้ว่าผมคือพ่อแท้ๆของแก แกยังเรียก แอนโทนิโอว่า พ่อ อยู่เลย เพราะตอนที่คะเคียวอินได้กลายเป็น เมียของแอนโทนิโอ ตอนนั้นเขาได้ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอก ทาโร่ว่า ใครคือพ่อแท้ๆ ของเขา จนกระทั่ง แกโตเป็นวัยรุ่น เขาถึงส่งแกมาเรียนต่อที่นี่ ชั่วคราว ส่วนตัว แม่ของเขา อาจเดินทางมาที่เมือง มาริโอ ในอีกไม่นาน

ผมก็ได้มีโอกาส ตอนเห็น ทาโร่ก็ในขณะที่ผมกำลังนอนหมดสติ มีรอยแผล และเลือด ไหลออกมาตามตัว ตอนที่กำลังสู้กับ คิระ แกก็มาช่วยผม ตอนแรกผมนึกว่าเขาเป็น คะเคียวอิน เพราะเขาสวมชุดนักเรียน เหมือนกับแม่เขาไม่มีผิด เป็นชุดนักเรียนชาย สีเขียว เสื้อโค้ท ยาวถึงเข่า กับกางเกงขายาว และผมเป็นสีเดียวกันกับคุณแม่ของเขา

‘คะเคียวอิน ในที่สุดนายก็มา’ ผมเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขา

‘คุณลุงครับ ลุงเข้าใจผิดแล้วครับ ผมคือ ทิโมธี่ และผมเป็นลูกชาย ของคะเคียวอิน กับ แอนโทนิโอ คุณแม่ยังมาไม่ถึง’ แกเอ่ยขึ้น พร้อมกับกำลังจะเอื้อมมือมาแตะ ตัวผม แกลากพาผมมาซ่อนตัวในที่ๆ ปลอดภัย โดยห่างจากตาคิระ หลายไมล์ ผมเป็นห่วงโคอิจิ เพราะแกเพิ่งได้ตัว เอ็คโค่ แอ็ค 3 แกยังไมาค่อยรู้พลัง ของแสตนด์ แก อีกอย่างคิระก็ถือเป็นวายร้ายที่น่ากลัวเหมือนกัน แกมีของเล่น ที่เป็นระเบิดรูปหัวกะโหลก เคลือนที่ได้ เหมือนรถของเล่น แต่ตัวนี้โดนทีนี่ก็เจ็บแทบตายเหมือนกัน และตัวแสตนด์ของ คิระคือ คิลเลอร์ ควีน ตอนนี้นก่อนผมจะเดินทางมาที่ มาริโอ คะเคียวอิน บอกผมว่า โจนาธาน โจสตาร์ ที่อยู่ในโลกแห่งความตาย ได้เตือนผม เรื่องเกี่ยวกับ คิระ โยชิคาเกะ เจ้าฆาตกรต่อเนื่อง ที่มักจะคลั่งใคล้หลงใหล ในมือของกุลสตรี

ไม่ทันไร ผมได้เห็นคะเคียวอิน มาพร้อมกันกับ โจสุเกะ โอคุยาสุ และ แอนโทนิโอ แต่คะเคียวอิน รีบมาหาผมก่อน เขามาในลุคที่แปลก ผมของเขาด้านหลัง ยาวถึงกลางหลัง และเขาสวมแว่นกันแดดสีดำ ใบหน้าของเขา ยังงดงามเหมือนครั้งแรก ตอนที่เราพบเจอกัน ที่ญี่ปุ่น

‘โจทาโร่ ฉันลืมบอกนาย ว่า ทิโมธี่เป็นลูกชายของนาย แกมีปานรูปดาวที่หัวไหล่ข้างซ้าย ตรงที่เดียวกันกับนาย อีกอย่าง เราสองคนมีอะไรกันบ่อย ตอนที่เรานอนด้วยกัน ทิโมธี่ คือพยานรักของเราสองคน’ ผมเห็นเขาเอื้อมมือมาแตะแก้มผม ในขณะที่เจ้า เครซี่ไดม่อน ซึ่งเป็นตัวแสตนด์ของโจสุเกะ กำลังรักษาผมอยู่ และก็เจ้าโคอิจิ แกโดนหนักเหมือนกัน แกโดนต่อยทะลุท้อง ผมแอบเหลือบตามอง โจสุเกะ กับ โอคุยาสุ ที่กำลัง ยืนอยู่ตรงหน้า คิระ โยชิคาเกะ หมอนี่ท่าจะร้ายไม่เบา มันนึกว่า มันหลอก โจสุเกะได้ แต่ทว่าโจสุเกะ กลับไม่หลงกลง่ายๆ ‘ผมไม่นึกว่า คุณจะมาที่นี่ คะเคียวอิน’

‘ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกนาย โจทาโร่’ เขาบอกผม ขนาดในเวลาหน้าสิวหน้าขวาน หรืออันตรายมากแค่ไหน เขาก็ยอมเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง ยิ่งตอนสู้กับดิโอ เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่น่าจะรอด แต่เขาก็ยอมออกมาช่วยผมกับ คุณตาของผม โจเซฟ โจสตาร์ ตอนนั้น ตอนที่คุณตาของผม ฟื้นจากความตาย แกก็สารภาพความจริง หมดทุกอย่างให้ผมฟัง ผมถึงรู้ว่าเพราะอะไร แต่ตัวแสตนด์ ของ ทิโมธี่ ดูเหมือนตัว แสตนด์ของผม มันใช้พลังของ ตัวแสตนด์ของผม กับแม่ของแกได้ ทั้งสองอย่าง ซึ่งน้อยคนจะมีพลังอย่างนี้ คะเคียวอินบอกผมว่า ทิโมธี่ สามารถปล่อยหมัดแรงๆ ถึงขนาดทำเปลไม้พังไปหลายตัว เพราะหมัดของแก

คงไม่ใช่แต่ปานรูปดาว บนหัวไหล่ซ้ายของแกอย่างเดียว แต่แกยังอัดไอ้พวกคนที่มารังแก เขาจนพวกนั้นนอนซมที่โรงพยาบาล ทั้ง จมูกหักบ้าง ตาเขียวบ้าง แต่นิสัยแกไม่ใช่นักเลง ถ้าใครมารังแก หรือหาเรื่องแกก่อน แกก็จะสู้กลับ แต่ที่แปลกคือ แกไม่รู้จักผมเลยซักนิด ทั้งๆที่ แกบอกแค่ว่าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน จากประเทศอิตาลี่ แต่ใบหน้าแกกลับออกไปทาง เอเชียเหมือนคุณแม่ของแก แต่ก่อนหน้านี้ ที่ผมได้พบเจอกับ คะเคียวอิน ที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง ในมาริโอ เขากลับแนะนำให้ผม เป็นครูฝึก ช่วยแนะนำ พวกเด็กรุ่นใหม่ ที่เพิ่งใช้แสตนด์ อย่างโคอิจิ ซึ่งเขาบอกว่า ฝีมือของเด็กคนนี้ ถือว่า เก่งพอสมคใร สำหรับมือใหม่ แต่ ต้องสอนให้เขา รับมือกับจอมวายร้าย อย่างพวกบอส ซึ่งพวกนี้ ต้องใช้สมาธิ และสติ

‘ฉันว่าซักวัน เด็กคนนี้ อาจชำนาญ และรู้วิธีใช้ แสตนด์อย่างพวกเรา’ คะเคียวอินยังบอกผม ก่อนจะจิบน้ำชา นิดๆ ‘แกเพิ่งเห่อ ตัวแสตนด์ของแก ยังไงนายก็ผ่านประสบการณ์มาเยอะแล้ว อย่างน้อย นายต้องช่วยแนะนำน้องเขา วิธีควบคุม อารมณ์กับสติ’

ผมพอเข้าใจ แต่บางที โคอิจิ ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่างผมกับคะเคียวอิน และพรรคพวกคนอื่นๆ เคยเจอศัตรูที่ร้ายหว่านี้มาเยอะ ตั้งแต่ตอนอยู่ที่อียิปต์ อินเดีย เจอคนใช้แสตนด์แสบๆ มาก็ไม่น้อย ไหนจะเจ้า นักล่าฆ่าหัวอย่าง โฮลฮอร์ส ที่ตาอัปดุลไปช่วยโปนาเรฟ แต่แกก็โดนแทง และแถมยังโดนลูกกระสุนของ ตานักล่าฆ่าหัวอีกต่างหาก คะเคียวอิน คนรักของผมก็เคยตาบอดไปครั้งนึง ตอนสู้กับผู้ชายที่ใช้ตัวแสตนด์เป็นน้ำ แต่อาการก็หายดีเป็นปรกติ เขาเลยเข้าใจว่า เด็กๆรุ่นใหม่ อย่างโคอิจิ โจสุเกะ กับคนอื่นๆ ต้องรับมือกับอะไรกันบ้าง เพราะโจสุเกะ เพิ่งบอกผมว่า โคอิจิ เพิ่งได้ แสตนด์ตัวที่ฟักออกจากไข่ ตอนนี้แกยังใช้ แอ็กค์ 2 อยู่ อีกไม่นาน คงจะมี Eco Act 3 และแกคงต้องเรียนรู้อีกเยอะ

‘ฉันรู้จักตัวแสตนด์ของฉัน มาตั้งแต่เด็ก ฉันเลยอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด จนกระทั่งได้พบเจอกับพรรคพวกของนาย โจทาโร่’ คะเคียวอินก็ไม่ได้ดูเย็นชา อย่างรูปลักษณ์ภายนอก เขากลับเป็นคนที่มีจิตใจดี และเมตตา พวกเด็กๆ ที่เพิ่งใช้แสตนด์ใหม่ๆ แต่น้องคนที่เขาเอ็นดู มากที่สุดก็โคอิจินี่แหล่ะ ผมรู้นะว่า พรรคพวกของโจสุเกะ แอบมองผมอยู่ แต่ผมกลับทำเป็นเฉยๆ พรรคพวกของโจสุเกะ มักจะเชียร์ให้ผม กับคะเคียวอินอยู่ด้วยกัน เพราะพวกนั้นดูออกว่า เราสองคนยังรักกันอยู่ ต่อให้คะเคียวอิน มีสามีอาศัยอยู่ที่อิตาลี่ แต่เขาก็ยังคงรักผม แต่เป็นเหมือนเพื่อนรัก ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ‘แต่ไม่มีใครไม่เคยทำผิดหรอกนะ ฉันยังจำได้เลย ว่าเคยทำพลาดครั้งนึง’

‘อ๋อ ตอนที่คุณใช้ตัวแสตนด์ ไปหาเจ้าของแสตนด์ ที่เป็นพระอาทิตย์ ตอนเราอยู่ที่ปากีสถาน ฉันยังจำได้เลย ตอนนั้นพวกเราเกือบจะเอาตัวไม่รอด ถ้า โปนาเรฟ กับผมไม่ปล่อยแสตนด์มาช่วยคุณก่อน’ ผมนึกย้อนไปถึงเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ตอนเราอยู่ที่ปากีสถาน พวกเราหลบซ่อนอยู่ในถ้ำหิน และพวกเราเริ่มดูออก ถึงเงาสะท้อน ของถ้ำหินที่หันหน้าเข้าหากัน พวกผมเลยพากันหัวเราะกันหมด ยกเว้นคุณตาของผม ซึ่งแกยังเดาไม่ออก พอคะเคียวอินบอกแก แกถึงนึกออก ผมใช้ตัว star platinum ปาหินใส่กระจก ท้องฟ้าเลยเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน

‘ฉันต้องไปแล้วล่ะ โจทาโร่ หวังว่าเราจะได้มีโอกาสพบกันอีกนะ’ ผมจ้องมองแผ่นหลังขาวเนียน กับผมสีแดงที่ถูกมัดรวบอยู่ด้านหลัง ยาวลงมา เขาเดินไปด้วยกันกับแอนโทนิโอ โดยที่มีคนขับรถ ขับมาจอดรออยู่ตรงนั้นแล้ว และค่อยขับออกจากร้านคาเฟ่ ซักพัก โจสุเกะ กับโอคุยาสุ เดินออกมาจากที่ซ่อน หลังต้นไม้ โคอิจิ กับ ยูคาโกะ ซึ่งตอนนี้ก็กลับมาคบกันอีกครั้ง ทุกคนหันมามองผมกัน

‘ไม่มีอะไรหรอก เราแค่คุยกัน รำลึกถึงความหลัง’

‘แต่ผมดูออกนะ ว่าคุณโจทาโร่ ยังรักคะเคียวอินอยู่’ โจสุเกะ ได้ทีรีบพูดออกมาตามความจริง ‘อีกอย่าง คุณมักจะมีความสุข เวลาอยู่ด้วยกันกับเขา’

‘พวกเราเลยเอาใจช่วยนายไงล่ะ’ โอคุยาสุบอกทันที ที่เจอผม

‘มันคงเป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆ’ ผมรีบบอกปัดๆ ก่อนจะหยิบเจ้ากระดุมเสื้อ แจ็คเก็ต ของตาคิระ ออกมา ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าของกระดุมเสื้อนี่เป็นใคร แต่ตอนนั้น โจสุเกะ ดันไปเก็บได้ แกรู้เลยว่า ชิเงจี้ตาย ตอนเจอกับ ตาคิระ โยชิคาเกะ แต่การตายของแกก็ไม่เสียเปล่า เพราะเป็นเบาะแสให้เราตามหาคนร้ายจนเจอ

มีเรื่องจะมาแจ้งให้ทราบ

คราวนี้ จะมาทดลอง แต่งแฟนฟิค โจโจ้ คู่ ท่านลอร์ด ดิโอ ซามะ กับ Kakyoin ดู คราวนี้กะจะให้แต่งอีกแนว หลังจากที่ตาดิโอตาย แกมาอยู่ในโลกอีกมิติ และแกก็เลือก คะเคียวอิน เป็นเมีย

Antonio Bocelli

Antonio Bocelli

ตัวละครตัวนี้ ไม่มีในเรื่อง โจโจ้นะ ไรท์เตอร์แค่จิ้นเอาเอง

ตอนนั้น ในขณะที่กำลังต่อสู้กับดิโอ้ เพื่อนผม โจเซฟ โจสตาร์ แกรู้ว่าจะต้องมีเรื่องร้าย เกิดขึ้นกับ คะเคียวอิน แกเลยให้ผมไปรอ อยู่ตรงแท๊งค์น้ำ ตรงจุด ที่คะเคียวอินโดน ดิโอ ฆ่า จริงๆผมว่า ดิโอแกเล็งจะเก็บเขาอยู่แล้ว เพราะ คะเคียวอินใช้พลังของเขา เพื่อที่จะหาจุดอ่อน ของแก แต่ทว่าโชคไม่ค่อยดีตรงที่ เจ้าดิโอแกสามารถหยุดเวลาได้ ผมก็รอจังหวะนั้นพอดี ผมใช้พลังจิต ยกร่างไร้ชีวิตของคะเคียวอิน ที่แท๊งค์น้ำ ให้ลงมานอนบนตักผม ก่อนจะใช้ฝ่ามือแตะตรงบริเวณแผล ซึ่งตรงหน้าท้องของเขา ถูก ตัวแสตนด์ ของดิโอต่อยทะลุ หน้าท้อง เขาเสียเลือดไปค่อนข้างมาก ผมได้ใช้พลังเยียวยารักษาบาดแผล และก็หนิบหินคริสตัล ที่พกพาติดตัวมา วางไว้บนริมฝีปาก รูปกระจับ พร้อมกับท่องเวทย์มนต์คาถา

ไม่ทันไร คะเคียวอินลืมตาขึ้นมา เขามองหน้าผม มันเหลือเชื่อก็จริง แต่ผมคงต้องบอกเขา ว่าเกิดอะไรขึ้น

‘ดิโอ?’ เขามองหน้าผม

‘หมอนั่นกำลังสู้กับ โจทาโร่’

‘ไม่นะ ฉันยังหาจุดอ่อน ความลับของเขา ไม่’

‘เดี๋ยวก่อน คะเคียวอิน ร่างกายคุณยังไม่ได้หาย จากบาดแผล 100% คุณไปตอนนี้ค่อนข้างเสี่ยง ดิโอร้ายกาจกว่าที่คิด เชื่อผม ไม่นานเดี๋ยวโจทาโร่คง ปราบดิโอ ได้สำเร็จ’ ผมบอกเขาพร้อมกับ กอดร่างของ คะเคียวอินไว้ ‘จริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกนะ ว่าทำไมผมถึงเลือก ที่จะชุบชีวิตคุณ แต่ คุณโจสตาร์ ขอร้องผมไว้’

‘โจเซฟ โจสตาร์?’

‘ใช่ คุณโจสตาร์ บอกผม จริงๆ แกรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง คุณ กับ โจทาโร่ แกบอกว่า โจทาโร่ไม่ค่อย มีความรัก แกเพิ่งจะมาพบรักก็ครั้งแรก’ ได้ทีผมก็รีบ สารภาพความจริงออกมา จนหมดเปลือก ‘คุณไม่คิดเหรอ ว่าทำไม หลานชายของ ตระกูลโจสตาร์ อย่า โจทาโร่ คุโจ ถึงยอมเสี่ยงดึงเจ้า เนื้องอกประหลาด ที่ดิโอ ฝังไว้ที่หัวคุณ ก่อนจะเดินทางไปที่อียิปต์?’

‘คุณโจสตาร์ อยากให้หลานชายของแกมีความสุข ไปกันเถอะ ป่านนี้ทุกคนคงรอคุณอยู่ ที่ทะเลทราย ซาฮาร่ากันแล้วล่ะ’ ผมเอ่ยขึ้น ก่อนจะอุ้ม คะเคียวอิน และเหาะไป ตามรถพยาบาล ไปตลอดทางก่อนจะมาหยุด อยู่ตรง ทะเลทราย ผมบอกเขาให้เดินไปหา โจทาโร่ ที่ยืนไว้อาลัย ให้กับเพื่อนร่วมเดินทาง ที่เสียชีวิต ในศึกสงคราม โจทาโร่ โอบกอดคะเคียวอิน เขาตกใจ ที่เห็นคะเคียวอิน มีชีวิต หลังจากที่ถูกดิโอฆ่า แต่พอเขาเห็นผม เขาก็พอจะดูออก และคุณโจสตาร์ ก็ได้บอกความจริง ให้เขารู้ แกก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากที่แกรู้ความจริง เพราะแกมีพลัง Hermit purple และพลังของแก ตอนที่เชื่อมต่อกับทีวี แกเห็นเรื่องราวในอนาคตหมดทุกอย่าง

วันนั้นก่อนจะสู้กับดิโอ แกใช้มือแตะที่หน้าจอทีวี โดยที่มีเจ้า พลังของแกที่ดูเหมือน เถาวัลย์ไม้เลื้อย และหนามสีม่วง โผล่ออกมาจากข้อมือของแก

‘แอนโทนิโอ ฉันขอร้องแกอะไรบางอย่างได้มั๊ย ถือว่า แกทำเพื่อหลานชายของฉัน โจทาโร่ คุโจ คือแกก็ไม่เคย จะมีความรักกับใครมาก่อน แต่พ่อหนุ่มผมแดง คนนี้ ฉันดูออก ว่าเขาเป็นคนที่สำคัญมากๆ สำหรับหลานชายของฉัน พวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อนรัก ถ้าพ่อหนุ่มหน้าสวยคนนี้ เสียชีวิต โจทาโร่ แกคงไม่คิดจะรักใครอีก’ คุณโจสตาร์บอกผม ‘ฉันดูออกว่า สายตาของหลานฉัน ตอนมองคะเคียวอิน มันไม่เหมือนกับตอนที่แกมอง เพื่อนร่วมเดินทางคนอื่นๆ’

‘บอกผมมาสิ คุณโจสตาร์ ว่าคุณต้องการให้ผมทำอะไร?’ ผมถามแก แต่ก็พอจะเดา ท่าทางกริยาของแกออก ที่แท้แกอยากให้ผม ชุบชีวิตคะเคียวอิน ซึ่งผมก็ได้ทำให้แก ตามที่แกขอ แต่ผมก็ได้บอกเขาว่า คะเคียวอิน เป็นพวกที่ใช้แสตนด์ ที่ไม่เหมือนใคร ถ้าผมชุบชีวิตเขา อายุเขาจะหยุดอยู่ ที่ 17 ปี ไปตลอด ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม แต่คุณโจสตาร์ ก็ยังย้ำให้ผม ช่วยทำให้หลานชายแก มีความสุข ในที่สุดผมก็ได้ สนองความต้องการของแก แต่ใจจริง ผมก็หลงรัก คะเคียวอินเหมือนกัน ผมเลยตกลง ทำตามคำขอของ คุณโจสตาร์

แต่ที่ทำให้ผมประหลาดใจ ก็ตอนที่คะเคียวอินเลือกที่จะอยู่กับผม หลังจากที่ผมขอเขาแต่งงาน แทนที่จะอยู่ด้วยกันกับ โจทาโร่ ถึงแม้ภายนอก เขาจะดูเย็นชา แต่เขามีจิตใจที่ดีงาม ตอนเขาเด็กๆ เขาไม่ค่อยจะมีใครเข้าใกล้เขา นั่นเป็นเพราะ แสตนด์ของเขา ที่มักจะปรากฎตัวออกมา แต่ผมกลับมองว่า ตัวแสตนด์ของเขา เป็นแสตนด์ที่งดงาม มากๆ พอๆกันกับคนเป็นเจ้าของ ทั้งที่จริงๆ เขาก็รักโจทาโร่ แต่พวกเขา ไม่สามารถรักกันได้

‘โจทาโร่ ฉันเพิ่งเจอโจนาธาน โจสตาร์ ในโลก ของคนตาย แกฝากเตือน ให้นายระวัง Kira Yoshikage’ คะเคียวอินบอกโจทาโร่ ก่อนจะแยกทางกัน ตอนที่เรามารวมตัวกัน ที่สนามบินที่ไคโร อียิปต์

‘คิระ โยชิอาเกะเหรอ?’

‘ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ในอนาคต อีกไม่นาน นายคงได้เจอกับเขา ฉันเชื่อว่านาย กับพรรคพวกคนอื่นๆใน ทีมของนายคงปราบเขาได้ เหมือนที่นายสามารถเอาชนะดิโอได้ ไม่ต้องห่วง ฉันจะคอยช่วยเหลือนาย’ ผมเห็นคะเคียวอิน กับโจทาโร่คุยกัน ซักพัก ก่อนจะแยกทางกัน ผมพอจะเดาออกว่า คิระ โยชิอาเกะเป็นใคร แต่ผมกับคะเคียวอิน เลือกที่จะไม่บอกเขา ก่อนล่วงหน้า แต่แค่เตือนเขา ในฐานะที่พวกผมรู้จัก คนใช้แสตนด์เหมือนกัน แต่ผมก็เคยรู้จักกันกับเขา มาก่อนจะร่วมเดินทางกันกับเพื่อนของผม โจเซฟ โจสตาร์ ผมก็ไม่ค่อยทราบอะไรมาก เท่าที่รู้คือ แกเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ที่หลงใหลในมือของผู้หญิง และแกก็ค่อนข้างจะอันตรายมากๆ

ที่ว่าน่ากลัวไม่ใช่พลังของแกอย่างเดียว แต่เป็นที่ความฉลาด และการวางแผนที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนของแก เอาล่ะ ตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าเป็นห่วงอีกต่อไป หลังจากที่ได้กลับมาบ้านเกิดด้วยกันกับ คะเคียวอิน ผมดูออกว่าเขายังรัก โจทาโร่อยู่ เพียงแต่พวกเขาสองคน รักกันไม่ได้ก็แค่นั้น ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ก็ ซัก 9 ปีก่อนที่โจทาโร่ แกจะเดินทางไปที่เมือง Marioh ตามความต้องการของ คุณโจสตาร์ แกบอกเมียผม คะเคียวอินหมดทุกอย่าง ด้วยความที่ทั้งสองก็ยัง มีสายใย สัมพันธ์กันอยู่ อย่างเหนียวแน่น คะเคียวอินไม่พยายามจะห้ามเขา แต่กลับบอกเขาว่าภารกิจนี้ค่อนข้างจะอันตรายกว่า ตอนที่พวกเราเดินทางไปอียิปต์

เราได้แลกเบอร์โทรติดต่อกัน ก่อนจะแยกย้ายทางกัน พวกผมก็เดินทางกลับไปที่ บ้านเกิด ที่อิตาลี่ ผมหยิบภาพถ่ายรูป ด้วยกันกับโจทาโร่ และเพื่อนร่วมเดินทางคนอื่นๆ ถึงแม้ว่า โจทาโร่ กับผม จะรักผู้ชายคนเดียวกัน แต่ผมกลับไม่เคย คิดหึงหวง คะเคียวอินเลยด้วยซ้ำ ผมกลับอยากให้เขามีความสุข และผมก็ไม่อยากจะมีเรื่องบาดหมาง กับคนในคณะทีมเดียวกัน เพราะพวกเรากำลังไล่ล่าดิโอ และพวกเราต้องร่วมมือกัน ผมเลยพยายามจะผูกมิตรกับทุกคน ผมบอกโจทาโร่ว่าผมยินดี มอบความช่วยเหลือเขาหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ซึ่งแกก็ไม่ค่อยจะอคติกับผม เพราะถ้าใครมีเรื่องกับแก ไม่ตายก็โดนอัดยับ แถมผมยังจับมือเขา

หลังจากที่ผมพา คะเคียวอินมาแนะนำ ให้คนในครอบครัวผม ที่อิตาลี่ได้รู้จัก พวกเขาเป็นมิตรมากๆ และไม่มีใครรังเกียจเขา ที่ได้แต่งงานกับผม พี่ชายของผม แอนเดรีย บอกผมว่า คะเคียวอินเป็นคนสวยมาก แต่ไม่กล้าบอกต่อหน้าเขา เพราะกลัวเขาจะไม่พอใจ ผมก็พอเข้าใจนะว่า ทำไมโจทาโร่ ถึงหลงรักเขา แต่คงไม่ใช่แค่ความสวยงาม อย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร ต่อให้เขาเป็นชายหนุ่มคนญี่ปุ่น ที่งดงามมากเพียงใด แต่ภายนอกเขาจะดูเหมือนคนเย็นชา

ครอบครัวของผม ต้อนรับเขาอย่างดี และเป็นมิตร พวกเขาไม่ค่อยดูถูกคนเอเชีย แต่ก็แปลกใจที่ผมได้เมียเป็นคนที่ใช้แสตนด์ เหมือนเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ แต่แสตนด์ของเมียผม ค่อนข้างจะมีพลังที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่น เป็นตัว Hierophant green ผมมักจะเห็นเจ้า Hierophant ลอยตามเมียผมไปทุกที่ๆเมียผมไป ราวกับเป็นบอดี้การ์ด เขาค่อนข้างจะชอบอยู่เงียบๆ ในห้องสมุด ที่บ้านคฤหาสถ์ ของผม เขาบอกผมว่า เขาเต็มใจที่จะแต่งงานกับผม และไม่รู้สึกผิดหวัง กับการตัดสินใจของตัวเอง เพราะเขารู้อยู่แล้วว่า ระหว่าง เขากับโจทาโร่ คงไปกันไม่รอด อีกอย่างในอนาคตโจทาโร่ อาจแต่งงาน และมีบุตรสาว ชื่อโจลีน แต่เขาคงไม่ค่อยได้มีเวลาให้หล่อน เนื่องจากเขาเองก็ติดธุระ และงาน ทำให้เขาหย่าขาดจากภรรยา แต่เขาก็ยังรักลูกสาวคนเดียวของเขา

ผมอาจมองเขาผิดไป ตอนที่ผมนึกว่าเขาจะเลือกแต่งงานกับโจทาโร่ แต่เขากลับฉลาดกว่าที่ผมคาดคิดไว้ก่อนล่วงหน้า เขาใช้เวลาศึกษาข้อมูล ที่หามาได้จากในห้องสมุด ทั้งศาสตร์การใช้เวทย์มนต์กับพลังจิต เนื่องจากเขาเพิ่งฟื้นมาจากโลกแห่งความตาย ทำให้เขาได้รู้ว่า บางทีศัตรูอาจมีพลังที่แข็งแกร่ง และก็ไม่ควรที่จะดูถูกคู่ต่อสู้ ผมรู้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่ผมเห็นเขาสู้กับ ดิโอ ว่าเขาคงจะไม่รอด แต่เหมือนตัวเขาเองก็จะรู้ แต่เนื่องจากผมเคยรับปากกับ คุณโจสตาร์ไว้แล้ว และผมก็เต็มใจที่จะชุบชีวิตเขาอีกครั้ง ทั้งที่จริงๆมันก็มีกฎในโลกเวทย์มนตร์เหมือนกัน เรื่องการชุบชีวิตคนตาย แต่ผมก็ได้ทำผิดกฎไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการใช้หินคริสตัลต้องคำสาป ผมไปได้มาจาก สุสานเมืองเวทย์มนต์

คืนนั้นคะเคียวอิน นอนหลับอยู่บนเตียง ในห้องนอนของผม โดยที่ผมนั่งอ่านหนังสือคัมภีร์เวทย์มนต์ จริงๆแล้วพ่อผม เป็นนักเวทย์ที่มีพลังอำนาจมากที่สุด ส่วนคุณแม่ของผม ฟาเทีย เป็นคนที่ใช้พลังแสตนด์ แม่เลยสามารถมองเห็นตัวแสตนด์ ของเมียผม ตัวที่เป็นสีเขียว ในหมู่บ้านผม มีทั้งคนที่ใช้ตัวแสตนด์ กับ เวทย์มนต์ เพราะฉะนั้นผมมีพลังในการ ชุบชีวิต และ การสะกดรอยตาม ดิโอ กับเห็นในนิมิต ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อีกอย่างผมสามารถหยุดเวลาได้ แล้วก็สามารถซ่อมแซม ซากปรักหักพัง รักษาเยียวยาบาดแผลได้เหมือน โจสุเกะ นานๆที โจทาโร่จะเดินทางมาที่บ้านผม เพื่อมาเยี่ยมคะเคียวอิน ด้วยกันกับ เพื่อนของผม โจเซฟ โจสตาร์ เพราะฉะนั้น แผลที่เป็นรอยหมัดทะลุ ของตาดิโอก็ไม่ค่อยปรากฎให้เห็น ตรงหน้าท้อง ของคะเคียวอิน แต่ตอนนี้ ในท้องของเขา มีเจ้าตัวน้อย ซึ่งเป็นบุตรชายของผม อยู่ข้างใน แกคงจะได้ออกมา ลืมตาดูโลกในอีกไม่นาน

The sorcerer (Jojo fanfiction)

อันนี้เป็นนิยาย แฟนฟิค จากการ์ตูนโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ซึ่งไม่ได้มีเนื้อหา เกี่ยวข้องกับทางต้นฉบับ (มันคือการมโนเองของผู้เขียนล้วนๆ) เลยทั้งสิ้น และนิยายเรื่องนี้เป็นแนว Yaoi ก็คือ ชายรักชายนะคะ ใครไม่ชอบ รับไม่ได้ กดX มุมขวาบนปิดทิ้งไปซะ ฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะ

อีกอย่าง ตัวละครในเนื้อเรื่องไม่ได้เป็นของไรท์นะ ไรท์เตอร์ไปยืมเขามา นอกจาก ตัวละครที่แต่งแทรกเข้าไป ซึ่งไม่มีในเรื่อง

โดยรวม ไรท์เตอร์มักแต่งคู่ของ โจทาโร่ x คะเคียวอินมากกว่าคู่อื่น เพราะส่วนตัวเชียร์JK และก็ ในเรื่องนี้ คะเคียวอินไม่ตาย นางรอดมาถึงภาคสี่ แต่เป็นแบบ พระเอกไม่สามารถรักนายเอกได้ แต่พวกเขามีความรู้สึกที่ดีต่อกัน

Jotaro

หลังจากคำสาปของ ดิโอได้สิ้นสุดลง ตอนนั้นผมเสียเพื่อนร่วมทีมไปหลายคน แต่มีคนนึง ที่ผมรักมากที่สุด มากกว่าเพื่อน คนนั้นก็คือ คะเคียวอิน ผมจำได้ว่าผมเห็น ตาดิโอ้ฆ่าเขาไปต่อหน้าต่อตา แต่มาคราวนี้ ผมกลับเห็น ชายหนุ่มรูปงาม ในชุดนักเรียนญี่ปุ่น สีเขียว ผมสีแดงเดินเข้ามาหาผม ผิวสีขาวเนียน แต่เอ๊ะ ผมจำได้ว่าเขาตาย ที่แท๊งค์น้ำ ที่ไคโร ประเทศอียิปต์ นี่ต้องเป็นวิญญาณแน่ๆ แต่เอ๊ะ ผมกลับจับหน้าเขาได้นี่

‘คะเคียวอิน คุณ?’ ผมทำหน้าแปลกใจ

‘เกิดอะไรขึ้นครับคุณตา ทำไมคะเคียวอินถึงมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ?’

‘โจทาโร่ แกลืมไปแล้วเหรอ ว่าเพื่อนคุณตาคนนี้ เขาสามารถชุบชีวิตคนตายได้’ คุณตาของผม โจเซฟ โจสตาร์เอ่ยขึ้น ‘ฉันอยู่ด้วยกันกับเขา ตอนที่เขาใช้พลังเวทย์มนต์ ชุบชีวิต คะเคียวอิน’

‘เพื่อนคุณตา?’ ผมหันไปมอง เพื่อนของคุณตาผม เขาดูเหมือนชายหนุ่มอายุ รุ่นราวคราวเดียวกันกับผม เขามีผมสีดำ ตาสีเขียวสว่าง ไม่ค่อยเหมือนพวกคนที่ใช้แสตนด์ทั่วไป แกมีพลังที่พิเศษเฉพาะตัว คุณตาของผมแกบอกว่า เขาอายุเท่ากันกับคุณตาของผม แต่ใบหน้าเขากลับดูไม่เหมือนคนแก่ ผมไม่แปลกใจเลยว่าเขาทำได้ไง เพราะคำตอบอยู่ตรงหน้าผมแล้วล่ะ เจ้าหินคริสตัลประหลาด ในมือของเขา เป็นคำตอบที่ผมได้รับ มันสามารถชุบชีวิตคนตายได้ และรักษาเยียวยา บาดแผล เขาเดินมาด้วยกันกับคุณตาผม 2 คน ‘แกอย่าไปโทษเขาเลยนะโจทาโร่ ฉันเป็นคนขอร้องเขาเอง’

ใช่สิ นาย Antonio คนนี้นี่เอง ที่เป็นมากกว่าแค่คนใช้แสตนด์ คือแกไม่ใช้แสตนด์เหมือนพวกผม แต่แกมีพลังเวทย์มนต์ ในการสะกดรอยตามดิโอ อ่าวถ้าแกชุบชีวิตคนตายได้ ทำไมแกไม่ชุบชีวิต อัปดุล และอิ๊กกี๊ล่ะ?

‘ฉันทำไม่ได้หรอก โจทาโร่ มันเป็นกฎของโลกแห่งความตาย แต่ที่ฉันเลือกชุบชีวิตคะเคียวอิน ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไร แต่ฉันก็ทำไปแล้ว’ แอนโทนิโอเอ่ยขึ้น ผมเองทั้งแปลกใจ ทั้งดีใจ ผมเลยกอดเอวของ คะเคียวอิน และซุกหน้าลงหัวไหล่ของเขา ผมว่าแกก็ไม่ได้อยู่กับ โปนาเรฟ และ อัปดุล กับอิ๊กกี๊ตอนที่พวกเขาสู้กับ Kar แต่แกดันมาโผล่ตอนที่สู้กับดิโอ้

‘โจทาโร่ นายอยากรู้ มั๊ย ว่าสวรรค์เป็นอย่างไร?’ คะเคียวอินถามผม ตอนที่ผมกอดเขา ในอ้อมแขน เราสองคนหันไปมอง ทะเลทราย ซาฮาร่า ด้วยกัน แต่ผมกลับมองร่างไร้วิญญาณของดิโอ หมอนี่ตายไปเรียบร้อยแล้ว และร่างของเขาสลายไปกับสายลม ‘มันสวยงามมาก’

ผมก้มลงจุมพิษบนริมฝีปากสีชมพู และเกลี่ยปลายผมสีแดง ที่ยาวปิดตาข้างซ้าย ผมมองเห็นดวงหน้างดงาม ของเขา เหมือนครั้งแรกที่เราได้มีอะไรกัน ในโรงแรม ที่สิงคโปร์ ก่อนเดินทางไปแถบมิดเดิ้ลอีสต์ คราวนี้คงเป็นการบอกลาของเราสองคน เขาเดินไปด้วยกันกับ นักเวทย์ชาวอิตาเลี่ยน พวกเราดันมาเจอกันอีกครั้ง ที่สนามบิน ผมเดินทางกลับญี่ปุ่น แม่ของผมหายป่วย จากโรคประหลาด ร่างกายของเขากลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

ล่าสุดหลังกลับจากการเดินทางไป ที่ไคโร อียิปต์ 50 วัน ผมเพิ่งจะมารู้จากโปนาเรฟ ว่า คะเคียวอิน ตัดสินใจ ที่จะแต่งงานกับ ลุง แอนโทนิโอ ซึ่งเป็นนักเวทย์หนุ่มรูปงาม ชาวอิตาเลี่ยน ทั้งที่จริงๆเราก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ผมกลับไม่สามารถรักเขาได้ ทุกครั้งที่ผมจะเข้าใกล้เขา เขาก็มักจะแอบหนีหายไปทุกครั้ง รอยแผลที่ หน้าท้องของเขาก็หายไป ราวกับไม่เคยปรากฎให้เห็น พวกเขาดูมีความสุข

‘จริงเหรอ โปนาเรฟ?’

‘ใช่โจทาโร่ ฉันเพิ่งไปงานแต่งของพวกเขา อีกอย่างตอนนี้ คะเคียวอินเพิ่งจะ ตั้งครรภ์อ่อนๆ’ โปนาเรฟ เอ่ยขึ้น’เราบังเอิญไปพบเจอกันกับพวกเขา ที่ปารีส’ คะเคียวอินมักจะส่งโปสการ์ดมาให้ผมที่บ้าน บางทีเราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน หลังกลับจากไปทำภารกิจ การเดินทาง 50 วัน ครอบครัวของ ตาแอนโทนิโอ เป็นครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย คุณตาของผม โจเซฟ โจสตาร์ก็ได้บอกผม ว่าที่เขาเลือกจะแต่งกับคะเคียวอิน เพราะเขาไม่อยากให้ คะเคียวอินกลับไปอยู่ในโลกแห่งความตาย เขาต้องการให้คะเคียวอินมีชีวิตอยู่ ซึ่งถ้าคะเคียวอินถูกชุบชีวิต อายุของเขาจะหยุดอยู่ที่ 17 ปีไปตลอดชีวิต โดยที่ผมจะแก่เฒ่าไปตามกาลเวลา และเขาก็ต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรัก แก่และตายไปด้วยโรคชรา

เนื่องจากเขา เป็นคนที่ใช้แสตนด์ ในการต่อสู้ เพราะฉะนั้นพวกผมเลย มีความสามารถที่ไม่ธรรมดา และอีกอย่าง แอนโทนิโอได้ใช้หินคริสตัลต้องคำสาป มาจากสุสาน ในหมู่บ้านที่บ้านเกิดเขา มันก็เลยทำให้คะเคียวอิน มีอายุ 17 ปีไปตลอดกาล แต่สามีของเขาก็ดูแลเขาอย่างดี ไม่เป็นคนที่หึงหวง เขาไม่ว่าอะไรเลยด้วยซ้ำ ตอนที่เห็นผมเดินไปด้วยกันกับ คะเคียวอินด้วยกัน 2 คน

10 ปีต่อมา หลังจากที่แม่ผม โฮลี่ หายจากคำสาปของ ดิโอ คะเคียวอินได้เดินทางมาด้วยกันกับสามีของเขา ซึ่งตอนนี้ก็ยังดูเป็นเหมือนหนุ่มวัย 20 เหมือนเดิม แต่คราวนี้ คะเคียวอินตั้งครรภ์ ประมาณ 4-5 เดือน สังเกตุได้จากหน้าท้อง ที่นูนขึ้นมาภายใต้เสื้อคลุมสีขาว เขาสวมกางเกงขายาวสีขาว กับสวมแว่นตา แต่อายุของเขาก็ยังคง เป็น 17 ปีอยู่เหมือนเดิม โดยที่ตอนนี้ผมอายุ 28 ปีแล้ว เราสองคนต่างฝ่ายต่างก็มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ผมมีลูกสาว วัยรุ่น 1 คน โจลีน คุโจ

‘เราคงเป็นได้แค่เพื่อนกันสินะโจทาโร่’ คะเคียวอินเอ่ยขึ้น ในขณะที่เรา กำลังเดินเล่น อยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผมเจอ คะเคียวอินครั้งแรก เขาได้รักษาคำสัญญาที่เราเคยพูดกันไว้ ตอนที่พวกเราตั้งแคมป์กัน ที่ปากีสถาน ผมได้เก็บภาพวาดของเขา เอาไว้ในกระเป๋าเล็กๆ ในเสื้อโค้ต เขาเป็นผู้ชายที่งดงาม มากๆ เท่าที่ผมเคยเจอ และก็มีเสน่ห์ ผมไม่กล้าบอกความจริง กลัวเขาจะจากผมไป

‘นายมาดูเจ้า หิ่งห้อยที่บ้านเกิดของฉันสินะ’ ผมยังคงเดินไปด้วยกันกับเขาสองคน เขาบอกผมว่า บางครั้งตอนไปอยู่บ้านของ แอนโทนิโอ เขาจะมีความรู้สึกคิดถึงบ้าน แต่ตอนนี้เขาเองก็กำลังจะมีลูก ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในท้องเขา ไม่ได้ออกมาดูโลกภายนอก แต่คงจะใกล้คลอดเต็มทีแล้วล่ะ แต่ผมมักจะรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร ตอนที่ได้อยู่ด้วยกันกับเขา มันต่างกันกับตอนอยู่ที่บ้าน ที่นี่ผมจำได้ว่าเป็นที่ๆ ผมมีรอยแผลตรงใต้หัวเข่า ก่อนที่คะเคียวอิน จะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผม ผมพาเขาไปดูหิงห้อย ที่สวน ตรงทางเข้าบ้านผม

‘คงใช่ เราเคยคุยกัน ก่อนวันสุดท้ายที่จะไปสู้รบกับดิโอ’ คะเคียวอิน นั่งใกล้ๆผม แต่คราวนี้เขาใช้ผ้าพันคอ สีเขียว แทนอันสีขาว ส่วนแอนโทนิโอ ก็กำลังคุยกับ คุณตาของผม และคุณแม่ผม โฮลี่ พวกเราได้มีโอกาสดูหิงห้อย ในสวน ก่อนที่แอนโทนิโอจะมา และเดินเข้าไปในห้องพักแขก ด้วยกันกับ คะเคียวอิน แต่ความรักกับสายใยสัมพันธ์ของเราสองคน ยังคงเหมือนเดิม เขายอมสละชีวิตตัวเอง ตอนที่สู้กับดิโอเพื่อผม ตอนนั้นผมนึกว่าเขาตายไปแล้ว แต่ทว่าเพื่อนคุณตาของผม ที่มีพลังชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้ เขาก็ได้ทำพิธีต้องห้ามนี้ไว้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราสองคนสู้กันแทบเป็นแทบตาย แต่เป็นเพราะผมใช้ เจ้า star platinum ดึงเอาเจ้าก้อนเนื้อ ประหลาด ที่ดิโอฝังไว้บนหัวเขาออก

เราสองคนเลยเริ่มเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน เริ่มมีมากเกินกว่าแค่คำว่าเพื่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขามักจะคอยช่วยผมเสมอ แม้แต่ตอนนี้ ที่เราต่างฝ่ายต่างมีครอบครัว เขาก็ยังคงติดต่อกับผม และคอยเตือนผมตลอด เรื่องเกี่ยวกับศัตรูรายต่อไป ที่โหดร้ายกว่ารายก่อนๆ