Bringing up baby (Lee Pace)

ตอนนี้จะเป็นตอนที่ ริชาร์ด ถูกเชิญให้ไปรับประทานอาหาร ที่บ้านของ Michael Fassbender ด้วยกันกับ Lee Pace

 

Bringing up baby (Lee Pace)

 

 

 

 

คืนนั้น ก่อนที่ฉันตั้งครรภ์ ด้วยกันกับริชาร์ด ฉันฝันถึงเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องการจะมาเกิดเป็นบุตรของฉัน กับ ริชาร์ด อาร์มิเทจ ทั้งที่ตอนนั้นฉันยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูก ตอนนั้นฉันต้องการที่จะทำในสิ่งที่ฉันอยากจะทำ ซึ่งก็คือฉันต้องการที่จะเรียน จบมหาวิทยาลัย กับหางานอาชีพในฝัน โดยที่ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะได้กลายมาเป็นเเม่คน โดยที่ฉันยังไม่พร้อม ครั้งเเรกที่ฉันรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ฉันเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก เเละหวาดกลัว ไม่รู้จะทำไงดี ฉันได้รู้เรื่องนี้จาก ทอม ฮิดเดลสตัน เพื่อนร่วมห้องของฉัน เนื่องจากเขาทำอาชีพเป็นหมอ

 

 

 

 

 

 

 

 

“ลี ฉันว่าฉันมีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกับนาย” ทอมเอยขึ้น ในขณะที่พวกฉัน นั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร ตอนนั้นฉันนั่งกินเเพนเค้ก อย่างอเร็ดอร่อย ส่วน ลุคนั่งกิน ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว เเละ ดื่มกาเเฟ เอสเปรสโซ่

 

 

 

 

 

 

 

 

“ทอม ฉันต้องรีบไปมหาลัยนะ วันนี้ฉันมีเรียน” ฉันรีบปฎิเสธ ตอนเเรกที่ฉันมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นใส้อาเจียนอย่างหนัก ตอนนั้นฉันคิดว่าคงเป็นเพราะ ฉันนอนไม่พอ หรือไม่ก็ทุ่มเทกับงานศิลปะ ไฟน์อาร์ท กราฟฟิคดีไซน์ มากจนเกินไป เเละไม่มีเวลาพักผ่อน แต่จริงๆเเล้วมันไม่ใช่อย่างนั้น

“เเต่เรื่องนี้สำคัญมากนะ ลี ฉันว่าเราควรจะมาพูดคุยกัน ที่ห้องพักของฉัน ก่อนที่ฉันจะเริ่มตรวจร่างกายของนาย ที่โรงพยาบาล” ทอมพยายามที่จะพูดจา โน้มน้าวจิตใจฉัน ฉันนั่งคิดตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดฉันตอบตกลง

 

 

 

 

 

วันนี้เป็นอีกวันที่ฉันหยุดเรียนที่มหาวิทยาลัย ฉันได้โทรไปบอก เซบัสเตียน เเสตน เพื่อนสนิทของฉันที่มหาวิทยาลัย เพื่อที่เขาจะได้บอก คริส อีเเวนส์ เเละเลียม เฮมส์เวิร์ดว่าวันนี้ฉัน ไม่ว่าง มีธุระส่วนตัวที่จะต้องทำ ช่วงนี้ฉันขาดเรียนที่มหาวิทยาลัยบ่อยมาก ทั้งที่รู้สึกไม่อยากโดดคาบเรียน เเต่ทำไงได้ ฉันมีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมากกว่า นี้ บางครั้งฉันยังคิดที่จะ ดร็อปคลาสเรียน คิดว่าคงไม่เลวร้ายอะไรนัก ในเมื่อตอนนี้ฉันใกล้จะเรียนจบ มหาลัยในอีกไม่กี่ปี แต่เเล้วฉันก็ตัดสินใจที่จะไปโรงพยาบาล ด้วยกันกับทอม เพื่อนร่วมบ้านของฉัน เขาได้ทำการตรวจร่างกายฉันอย่างระเอียด หลังจากนั้นฉันตกใจเเทบช็อค เมื่อได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน

 

 

 

“ทอม เเน่ใจเหรอว่าฉันตั้งครรภ์” ฉันถามย้ำอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ ว่าทอมไม่ได้ตรวจร่างกายฉันผิดพลาด

 

 

 

 

 

“ฉันเสียใจด้วยนะ ลี เเต่ตอนนี้ นายเพิ่งจะตั้งครรภ์ได้ประมาณ หนึ่งเดือน” ทอมหันมาบอกฉัน

 

 

 

 

 

“ไม่จริง อ่ะ เป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นผู้ชายนะ จะตั้งครรภ์ได้ไง” ฉันรีบเถียงทันที ไม่มีทางที่ฉันจะเชื่อหรอกว่า ตัวเองกำลังจะเป็นเเม่คนในอีกไม่นาน

 

 

 

 

 

“ลี ฉันเข้าใจว่านายอาจสับสน เเละงุนงง เเต่ฉันได้ทำการตรวจเช็คร่างกายของนายเเล้ว ผลลัพออกมาเป็นอย่างเดิม ไม่ผิดเพี้ยน คราวก่อนที่ฉันเห็นริชาร์ด พานายมาส่งที่บ้าน ตอนนั้นฉันเริ่มมองออกว่า อาการของนายเป็นอาการเเพ้ท้อง ตอนนี้นายก็ทำใจให้สบาย เเล้วก็ใช้ชีวิตอย่างคนปรกติไปก่อน” ทอมพยายามที่จะปลอบใจฉัน ที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนเตียง งุนงงกับเรื่องราวที่ทอมเพิ่งบอกฉัน จะให้ฉันเชื่อได้ไงว่าตัวเอง กำลังตั้งท้องอยู่ให้ตายสิ

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ฉันได้บอกริชาร์ดว่า ฉันจะย้ายไปอยู่ด้วยกันกับเขา ซึ่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เเถมยังรู้สึกดีใจตื่นเต้นอีกต่างหาก พอฉันได้ย้ายเข้ามาอาศัย ด้วยกันกับริชาร์ด ฉันก็เริ่มบอกเขาว่า ฉันกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งตอนเเรกฉันคิดว่าเขาจะดีใจ เเล้วโผเข้ากอดฉัน เขากลับมองฉันเเปลกๆ พร้อมกับถามฉันว่า

 

 

 

 

“เเน่ใจนะว่า ฉันเป็นพ่อของลูกในท้องนายน่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

ฉันหันไปมองหน้าเขา ด้วยความเเปลกใจ ฉันคิดว่าเขาคงหาว่าฉันไปมั่วสุมกับใครมาล่ะสิ ไม่ใช่หรอก ฉันกับไวเเอตต์ น่ะเลิกกันไปนานเเล้ว เเถมฉันได้ร่ายมนตร์ป้องกัน ไม่ให้ไวเเอตต์เข้ามารบกวนฉัน ในเวลาที่ฉันนอน ซึ่งตอนนั้นฉันก็ไม่ได้พบเจอกับเขาอีกเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ทำไมถึงถามฉันอย่างนั้นล่ะ ที่รัก ฉันกับนายเราสองคนเพิ่งจะมีอะไรกัน ไวเเอตต์กับฉัน เราสองคนจบสิ้นกันไปนานเเล้ว เขาไม่มารบกวนฉันอีกเลย”

 

 

 

 

“ลี ฉันขอโทษที่ต้องถามนายอย่างนั้น เเต่ฉันดีใจที่รู้ว่าเราจะได้กลับมาพบเจอกันอีก เเละเราก็กำลังจะมีลูกด้วยกัน” ริชาร์ดเดินเข้ามาโอบกอดฉันเเน่นๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ มือของเขาลูบไล้สัมผัสหน้าท้องเเบนราบของฉัน อย่างนุ่มนวล

 

 

 

 

 

*

 

 

 

 

การได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันกับ ริชาร์ด อาร์มิเทจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เนื่องจากคืนนี้ ฉันกับริชาร์ด ได้รับบัตรเชิญ จากเพื่อนสนิท มิตรสหายของ ริชาร์ด อาร์มิเทจ ฉันไม่เเปลกใจเลยว่า ทำไมริชาร์ดถึงรู้สึกตื่นเต้น ดีใจ คึกคักมากกว่าเก่า ตั้งเเต่เขาได้การ์ด บัตรเชิญไปรับประทานอาหารมื้อค่ำ ที่บ้านคฤหาสถ์หลังใหญ่ ของ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่ง เยอร์มัน กับ ไอริช ฉันมักจะได้ยินเสียงริชาร์ด อาร์มิเทจ พูดคุยกับไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ เป็นภาษาเยอร์มัน ผ่านทางโทรศัพท์ เเละริชาร์ดมักจะหัวเราะเสียงดัง ฉันฟังไม่ค่อยรู้เรื่องว่าพวกเขาสองคนกำลังพูดเรื่องอะไรกัน แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะพูดคุยถึงเรื่อง ธุรกิจ ฉันได้ยินริชาร์ดบอกว่า เพื่อนเขาคนนี้ ช่วยทำให้เขาไม่มีเขางอกออกจากศีรษะอีก และเขาได้รู้ว่าตัวเองเป็นทูตนรก ฉันกับริชาร์ด ได้สวมชุดสูทหรูหรา ราคาเเพง ชุดสูทของฉัน เป็นสีซิลเวอร์ เเละ กางเกงขายาว สีเดียวกัน กับเสื้อเเขนยาว ที่อยู่ข้างใน ส่วนชุดสูทของริชาร์ด เป็นเเจ็คเก็ต สูทสีน้ำเงิน กับเสื้อเเขนยาวสีขาว ที่อยู่ข้างใน กับกางเกงขายาวสีน้ำเงิน พวกเราเเต่งชุดสูท หรูหราเต็มยศ ก่อนที่จะออกจากบ้าน

 

 

 

 

 

 

คืนนี้พวกเราสองคน ได้รับประทานอาหารมื้อเย็น ที่บ้านของไมเคิล ซึ่งเป็นบ้านคฤหาสถ์หลังใหญ่ ดูโอ่อ่า หรูหรา เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ มีราคามูลค่ากว่า หนึ่ง ร้อยล้านเหรียญดอลล่าห์ ซึ่งใช้เงินเดือนของ เพื่อนบ้านฉันสองคนรวมกัน ก็ยังไม่สามารถซื้อของพวกนี้ มาใช้ได้ ฉันเริ่มรู้สึก ตกตะลึงกับการได้เห็นพื้นหินอ่อนสีขาว เเละบันไดสองข้าง ที่เป็นทางเชื่อมขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ฉันจ้องมองดูภาพคลาสิค ซึ่งเป็นภาพของ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ กับ เจมส์ เเม็คอะวอย มีตั้งเเต่ยุคของทิวดอร์ จนถึงปัจจุบัน บ้านหลังนี้มีเเฟรงเกนสไตน์เป็น บัทเลอร์ พ่อบ้าน ที่ทำหน้าที่เป็นคนเปิดประตู เขาได้พา ฉันกับ ริชาร์ด เดินเข้าไปที่ห้องรับประทานอาหาร ภายในมีชั้นวางของ พวกจานชามกระเบื้อง เเละมีเทียนไข สีขาวตั้งอยู่บนเชิงเทียน เนื่องจากเเขกรับเชิญมีเเค่เพียง ฉันกับริชาร์ด อาร์มิเทจ เลยมีเเค่เพียงเก้าอี้ สี่ตัว กับมีผ้าปูโต๊ะสีขาว จานชาม ช้อนส้อม ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ

 

ทันทีที่ฉัน กับริชาร์ด อาร์มิเทจ เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นั่งอยู่ด้วยกันกับ เจมส์ เเม็คอะวอย สองคน ดื่มไวน์องุ่นรสเลิศ ระหว่างรอพวกเรา ฉันเริ่มรู้สึกอึดอัด เนื่องจากสายตาของไมเคิล จ้องมองที่ฉัน ราวกับกำลังจะสำรวจอะไรบางอย่าง แต่เขากลับส่งยิ้มเพื่อเป็นการต้อนรับฉัน กับริชาร์ด สองคน พวกเรานั่งลงที่เก้าอี้ ตรงข้ามกันกับ ไมเคิล เเละ เจมส์ ฉันไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาอยู่ในบ้านคฤหาสถ์หลังใหญ่ ราวกับอยู่ในพระราชวังยุโรป แต่เจมส์พอจะรู้ได้ว่าฉันเริ่มรู้สึกอึดอัด เเละไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาได้บอกให้ฉันทำตัวตามสบาย ฉันเลยคิดซะว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็เเค่มานั่งทานข้าวมื้อเย็นด้วยกัน เเล้วก็ค่อยรีบเดินทางกลับบ้านทันที

 

 

 

 

 

พอฉันกับ ริชาร์ด เดินเข้ามานั่ง ที่เก้าอี้ ทันใดนั้นเอง ได้มีพวกเเม่บ้าน พ่อบ้าน ทยอยยกอาหาร จากในครัวมาวางบนโต๊ะ มีทั้งอาหารฝรั่งเศส กับ อาหาร อิตาเลี่ยน พวกเรากินไปคุยไป กับเรื่องสัพเพเหระ ริชาร์ดนั่งจิบไวน์องุ่น สีเเดงในเเก้ว เเละค่อยรับประทานอาหาร บนจาน ฉันกำลังนั่งรับประทานอาหารบนจน อย่างเพลินเพลิน ด้วยความอเร็ดอร่อย ตอนนี้ฉันกำลังกินสปาเก็ตตี้ ล็อบสเตอร์ บนจาน พักนี้ฉันกินจุมากกว่าเก่า โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ฉันนั่งกินขนมปังที่อยู่ในตะกร้าเล็กๆ ระหว่างรออาหารเมนคอร์ส ฉันได้กินสเต็คเนื้อ กับ ตับห่านโฟล์กรา

 

 

 

 

“พักนี้นายกินเยอะกว่าเก่านะลี” ริชาร์ดหันมามองหน้าฉัน

 

 

“ไม่เห็นไปไรเลยนี่ เพื่อนรัก อย่าคิดมากเลยน่า” ไมเคิลเอยขึ้น พร้อมกับจิบไวน์องุ่น รสเลิศ เจมส์ยังคงนั่งรับประทานอาหารอย่างเรียบร้อย เขาโชคดีที่ได้เเต่งงานกับไมเคิล เเถมยังได้นอนพักในห้องนอนหรูหรา เขาอยากเดินทางไปไหนมาไหน ก็ไปได้ ไมเคิลมีเครื่องบินส่วนตัว กับ เรือยอร์จ ลำใหญ่ หรูหรา พวกเขาสองคนมักจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมาก โดยเฉพาะ อิตาลี่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอร์มัน ออสเตรีย เวียนนา อิตาลี่ เวนนิส ฯลฯ ฉันจ้องมองดูนาฬิกาข้อมือ โรลเล็กส์ ที่ข้อมือของเจมส์ เขาได้ใส่ชุดเสื้อผ้า หรูหรา เเบรนเนม เวลาได้ออกไปไหนมาไหน ด้วยกันกับไมเคิล ซึ่งมีสถานะเป็น สามี ของเขา

 

 

 

 

 

 

แต่ฉันเริ่มสังเกตุเห็นว่า เจมส์ไม่ได้มีความสุขอย่างที่ฉันคิดไว้ ตอนนี้เขาไม่ได้ทำงานอะไร เพราะสามีของเขา ไมเคิลเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมหาศาล มีทรัพย์สินเงินทอง ที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด เเต่ไมเคิลก็ไม่เคยบอกเจมส์ว่า เขามีตังค์เยอะ ฉันไม่กล้าถามเจมส์ว่าทำไมเขาไม่ค่อยมีความสุข ทั้งที่ไมเคิลเป็นนักธุรกิจ ที่ร่ำรวยมหาศาล ราวกับมหาเศรษฐี เเถมยังมีเครื่องบินส่วนตัว เรือยอร์จลำใหญ่ หรูหราราคาเเพง เท่าที่ฉันได้ยินจากริชาร์ด ต่อให้เมื่อก่อนไมเคิล เคยมีคนที่เขาชอบหลายคน แต่คนที่เขารักมากที่สุดก็คือ เจมส์ เเม็คอะวอย เจ้าเเฟร์รี่หนุ่มที่ถูกเขาริบปีกไป พอหลังจากที่เขาได้เจมส์มาครอบครอง เขาก็ไม่คิดที่จะเที่ยวสนุกกับสาวที่ไหน เหมือนเมื่อก่อน อีกเลย และพวกเขาสองคนมีบุตรชายหนึ่งคน ฟิลลิป เเม็คอะวอย ฟาสเบนเดอร์ ซึ่งเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย เดียวกันกับที่ฉันเข้าเรียน

 

“ปรกติลีไม่เคยกินเยอะมากขนาดนี้เลยนี่นา” ริชาร์ดพูด พร้อมกับหันมามองฉัน ที่ตอนนี้กำลังกินทาร์ตเเอ๊ปเปิ้ล

 

 

 

 

 

ฉันสะดุ้งหันไปมองหน้าริชาร์ด ด้วยความสงสัย นี่เขากำลังจะหาว่าฉันกินจุ เนี่ยนะ ให้ตายสิ ฉันเเอบนึกสบถด่าริชาร์ด ในใจ เเต่พอเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของไมเคิล กับ เจมส์ ฉันได้เเต่หัวเราะเเห้งๆ ออกมา ด้วยความรู้สึกเขินนิดๆ ก่อนจะก้มลงมองดูหน้าท้องตัวเอง ฉันเริ่มรู้สึกถึง หน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ

 

 

 

 

 

“ริชาร์ด มันไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไรหรอก ที่เมียนายกินจุ” ไมเคิลเอยขึ้น ในขณะที่กำลัง นั่งกินทาร์ตมะนาว บนจาน ด้วยกันกับเจมส์ พวกเขามักจะเเชร์ของหวานกัน คนละครึ่ง

 

 

 

 

 

 

“ทำไมจะไม่ใช่เรื่องเเปลกล่ะ ฉันกลัวเขาจะน้ำหนักขึ้น ฉันไม่อยากให้ลีอ้วน”

 

 

 

 

อร๊ายยยย ไอ้บ้านี่จะหาว่าฉันอ้วนเป็นหมูเหรอ นี่เเกเป็นสามีภาษาอะไรฟะ ฉันนั่งกัดฟันกรอด กรอด ด้วยความโกรธ พร้อมกับหันไปมองริชาร์ด เเต่ฉันก็ไม่สามารถโวยวายเสียงดังออกมาได้ ในเมื่อเราเป็นเเขกรับเชิญ มารับประทานอาหารมื้อค่ำ ในบ้านคฤหาสถ์หลังใหญ่ หรูหราโอ่อ่า ราวกับพระราชวัง เเถมคนพวกนี้ก็ไม่ใช่เป็นเเค่ชาวบ้านธรรมดาๆ เเต่เป็นมหาเศรษฐีประจำหมู่บ้าน เเละมารยาทเป็นสิ่งสำคัญ ฉันไม่ควรที่จะทำตัวเหมือนเด็กๆ เที่ยวโวยวายเสียงดังออกมา มันอาจทำให้ฉันมีภาพพจน์ที่ไม่ดี

 

 

 

 

 

“มันเป็นเรื่องปรกติ ธรรมดาอยู่เเล้วล่ะ ฉันจำได้ว่า ตอนที่เจมส์อุ้มท้องฟิลลิป บุตรชายของพวกเรา เขาก็อ้วนขึ้นเหมือนกัน” ไมเคิลยังคงนั่งพูดคุย กับริชาร์ดราวกับเป็นเรื่องปรกติ เจมส์ที่นั่งใกล้ๆกันกับไมเคิล สะดุ้งนิดๆ พร้อมกับหันมาจ้องมองไมเคิล ฉันรู้ว่าเขากำลังโมโหไมเคิลที่เอาเขามาประจาน ต่อหน้าริชาร์ด เเต่เขาไม่เเสดงอารมณ์โมโห ออกมาทางสีหน้า เขาค่อนข้างจะเก็บอารมณ์เก่ง มือเขากำเเน่น จนจิกเข้าไปถึงเนื้อข้างใน

 

 

 

 

 

“นายรู้ได้ไงว่า เเฟนฉันท้อง” ริชาร์ดสะดุ้ง ก่อนจะถามด้วยความสงสัย เขาไม่ค่อยชอบให้คนมายุ่งกับเรื่องส่วนตัว ไมเคิลหัวเราะ ก่อนจะเเสยะยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์

 

 

 

“ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้หรอกนะ ริชาร์ด ไม่งั้นฉันคงไม่เรียกนายมาที่บ้านฉันหรอก”

 

 

 

 

 

“เราต้องทำพิธีอะไรหรือเปล่า เพื่อเป็นการอวยพรให้กับ เด็กทารกเเรกเกิด ทายาทของพวกเรา”

 

 

 

 

 

 

“ฉันว่าเรื่องนั้นคงไม่จำเป็นหรอกนะ สหายรัก เรื่องนี้ต้องเเล้วเเต่เเฟนของนาย”

 

 

 

 

 

“เเล้วเเต่เเฟนฉัน” ริชาร์ดเลิ่กเสียงสูง เเละหันมามองหน้าฉัน ฉันยักไหล่นิดๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับประทานอาหาร เเล้วเดินไปที่ห้องรับเเขก ฉันเห็นเจมส์เดินเล่น อยู่ในสวนดอกไม้ ร่างงามของเขามีเเสงสว่าง เป็นออร่าสีทองๆ ปลายหูของเขาเเหลมนิดๆเหมือนหูเอลฟ์ ผิวสีน้ำนม นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน เขาเป็นเเฟร์รี่ที่สวยงดงาม เเละมีอายุเเค่ ยี่สิบสามปี ไปตลอดชีวิต ฉันค่อยๆเดินเปิดประตูที่ห้องรับเเขก เพื่อที่จะเดินตามชายหนุ่มร่างเล็ก ที่เดินเล่นในสวนดอกไม้ ฉันเดินตามกลิ่นหอมดอกไม้ป่า จนในที่สุด เราทั้งคู่ยืนอยู่ใกล้ๆกันกับ ศาลาสีขาว

 

 

 

 

ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าสีน้ำนมของเจมส์ เขาผงะถอยหลังไปหลายเก้า พร้อมกับจ้องมองหน้าฉันราวกับไม่ไว้ใจ เเต่เขาก็ไม่ได้เอื้อมมือมาปัดมือฉันออก เขาสวมชุดสูทสีเทา สวมเสื้อเเขนยาวสีฟ้าที่อยู่ข้างใน กับกางเกงขายาวสีเทา เขาไว้ผมสั้นเเละไว้ผมม้า อยู่ข้างหน้า เขาเอียงคอนิดๆ ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไม ไมเคิลหลงรักเขาหัวปักหัวปำ ฉันจำได้ว่าฉันเคยเจอเขามาก่อน เเต่ตอนนั้นเขายังไม่ได้เเต่งงานกับไมเคิล มันนานหลายปี ตอนที่ฉันเดินทางไปที่สก็อตเเลนด์ ด้วยกันกับ ไมเคิล เเละอาจารย์ของฉัน เมอร์ลิน ตอนนั้นเขาหลบอยู่ข้างหลังต้นไม้ ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน เเฟร์รี่ไม่ค่อยกล้าออกมาข้างนอก ในป่าเวลาที่พวกเขาเจอมนุษย์ เนื่องจากบางครั้งมนุษย์มักจะดักจับ เเฟร์รี่เพื่อที่จะเอาผงวิเศษมาปรุงยา หรือไมก็เอามาทำเป็น เเอมนีเซีย ดัส ก็คือ ผงที่ทำให้ลบเลือนความทรงจำ ใครโดนปุ๊บ คนนั้นจะมีอาการขี้หลงขี้ลืม กับ ผงยาสลบ ผงวิเศษของเเฟร์รี่ สามารถเอามาทำสินค้า ปรุงยาวิเศษได้หลายอย่าง เเฟร์รี่ไม่ทำร้ายมนุษย์ ไม่เหมือน เเม่มด โทรล์ มังกร ฯลฯ พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงาม เหมือนกับพวกเอลฟ์

 

 

 

 

 

เมอร์ลินบอกว่า เจมส์เป็นเเฟร์รี่ที่ไม่ค่อยเหมือนกับ พวกเเฟร์รี่ตนอื่นๆ เขาสามารถใช้พลังเวทย์มนตร์ ได้หลายอย่าง ตอนนั้น เมอร์ลินจะชวนให้เขามาเป็นลูกศิษย์อีกคน ของเขา เเต่เจมส์ปฏิเสธ เขาไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์

 

 

 

 

 

“ฉันจำได้ว่าเราเคยเจอกัน มาก่อน แต่จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่” ฉันเริ่มบทสนทนา ระหว่างที่เรานั่งอยู่ด้วยกัน ในศาลาสีขาว ที่มีต้นไม้เลื้อยพันอยู่ล้อมรอบ เจมส์นั่งจิบน้ำชาเงียบๆ

 

 

 

 

“มันนาน หลายศตวรรษ ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน”

 

 

 

 

“ตอนนั้นนายมีปีกนี่ ฉันจำได้ว่านายเป็นเเฟร์รี่ แล้วตอนนี้ปีกของนายหายไปไหนล่ะ”

 

 

 

 

 

“มันถูกขโมยไป จากฉัน”

 

 

 

ฉันมองเห็นเเววตาเจ็บปวด ที่ถูกซ่อนอยู่ภายในของเจมส์ ฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เจมส์ถูกริบปีกไป เเต่คงไม่ใช่ความโกรธเเค้น เจมส์ไม่ใช่เเฟร์รี่เหมือน มาเลอฟิเซนต์ เขาไม่ทำร้ายใคร เขาเเค่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ในป่าเวทย์มนตร์ ฉันพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

 

 

 

“เจมส์ ฉันอยากจะช่วยนาย ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยนายได้ ฉันก็จะพยายามอย่างเต็มที่” ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเจมส์ เจมส์เริ่มลังเล ก่อนที่จะยอมให้ฉันเอื้อมมือไปกุมมือของเขา “ฉันรู้ว่าปีกของนายอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ห้องใต้ดิน ในบ้านคฤหาสถ์หลังนี้ เเฟนนายคงไม่อยากให้นายจากเขาไปไหน”

 

 

 

 

“นายควรจะรีบกลับไปได้เเล้วล่ะ ถ้าไมเคิลรู้ว่านายอยู่กับฉันเขาจะไม่พอใจ” เจมส์รีบลุกขึ้น เพื่อเตรียมตัวจะเดินกลับไปข้างในบ้าน ฉันรู้ว่าไมเคิลค่อนข้างจะหวงเจมส์ เขาไม่อยากให้เจมส์สนิทสนมกับใคร มากจนเกินไป ไมเคิลต้องการที่จะเป็นเจ้าของเจมส์เเต่เพียงผู้เดียว

 

 

 

 

 

“ฉันกับนาย เราเป็นเเค่เพื่อนกันเฉยๆ ฉันมีคนรักเเล้ว ริชาร์ด อาร์มิเทจ เเละตอนนี้ ฉันก็กำลังจะมีบุตรด้วยกันกับเขา” ฉันพูด พร้อมกับเอื้อมมือลูบไล้ บนหน้าท้องของตัวเอง ที่เริ่มนูนขึ้นมานิดๆ “ฉันไม่นอกใจริชาร์ดหรอก เพราะฉันเชื่อว่าเขาเป็นรักเเท้ของฉัน ตั้งเเต่ครั้งเเรกที่เราสองคนได้พบเจอกัน”

 

 

 

 

“ดีเเล้วล่ะ ลีนายควรจะรีบกลับไปได้เเล้วนะ ริชาร์ดรอนายอยู่ในบ้าน”

 

 

 

 

*

 

 

 

 

ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันเอาเเต่นั่งคิด เพื่อที่จะหาวิธีช่วยเจมส์ ฉันรู้ว่าเขาไม่สบายใจ หลังจากที่โดน ไมเคิลริบปีกไป เเฟร์รี่ตนอื่นๆสามารถบินไปไหนมาไหนได้ แต่เจมส์ไม่มีปีก เขามีเเค่พลังเวทย์มนตร์ อย่างเดียว ก่อนที่ฉันจะเดินทางกลับบ้านด้วยกันกับ ริชาร์ด ฉันได้รับยาวิเศษจากเจมส์ มันช่วยบรรเทาอาการเเพ้ท้องของฉัน หลังจากที่ฉันได้บอกเขาว่า ฉันตั้งท้องลูกของริชาร์ด ชายคนรักของฉัน ฉันมีอาการวิงเวียนศีรษะ เเละรู้สึกคลื่นเหียน ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในรถของริชาร์ด ทั้งที่ฉันไม่ใช่คนเมารถง่ายๆ ฉันหยิบถุงยาวิเศษออกมาดม มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น อาการผอืดผอม คลืนใส้ เริ่มค่อยๆบรรเทาลง

 

 

 

พอกลับมาถึงบ้านปุ๊บ ฉันกับริชาร์ด อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดนอน เราสองคนนอนหลับบนเตียง โดยที่ฉันนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น ของริชาร์ด

 

One thought on “Bringing up baby (Lee Pace)

  1. คุณแม่เริ่มท้องโตแล้วหรอ
    แหมๆๆๆๆๆ แต่คุณพ่อคนใหม่นี่น่าตบแท้ ถามไปได้ว่าใช่ลูกตัวเองเปล่า

Leave a comment