Wine yard (Sebastian Stand)

กลับมาเเต่งเรื่องเดิม ดีกว่า the Haunted ตอนนี้เป็นตอนของ Sebastian Stan

 

 

Wine yard (Sebastian Stand)

 

 

 

พอหลังกลับจากเรียนมหาวิทยาลัย ฟิลิป เเม็คอะวอย ฟาสเบนเดอร์ ตัดสินใจ พาพวกเราไป บ้านคฤหาสถ์หลังหนึ่ง ที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านเเห่งนี้ ภายนอกบ้านมี คอกม้าที่ทำจากไม้ เเละมีสนามพลังลึกลับ ปกคลุมอยู่ล้อมรอบ ม้าที่นี้เป็นม้าตัวสีดำ เเละมีดวงตาสีเเดงก่ำราวกับสีโลหิต ที่บ้านคฤหาสถ์หลังนี้มีสีดำ ทั้งหลัง เเละมีสุสาน อยู่ทางด้านหลังบ้าน หน้าประตู มีกากอลย์สองตัว ดวงตาของพวกมันเป็นเเสงลึกลับสีเเดง บิดาของฟีลิป เป็นทูตนรก มารดาเป็นเทพเเฟร์รี่ เขาเกิดปี 1780 ครอบครัวของฟิลิป ทำธุรกิจ ผลิตไวน์องุ่น สีเเดงที่ปลูกทับสุสานคนตาย ซึ่งมันจะทำให้องุ่นมีรสหวานกลมกล่อม นุ่มลิ้น ใครที่ได้มีโอกาสจิบไวน์องุ่นรสเลิศ ปุ๊บ เขาจะไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้ พวกคนเหล่านี้จะต้องรีบควักกระเป๋าสตางค์ ซื้อไวน์ทันที เเถมมันยังไม่มีวันหมดอายุอีกต่างหาก

 

 

 

 

ระหว่างทางฉันเริ่มรู้สึกถึงอาการคลื่นเหียน ภายใน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่ปรกติ ฉันไม่เคยรู้สึกเมารถ พวกเราสามารถเดินทางไกล ไปไหนต่อไหนได้ โดยที่ไม่รู้สึกมึนหัว เเต่มาคราวนี้ฉันเริ่มรู้สึกเเปลกๆ

 

 

 

 

 

“นี่คริส เลิกขับรถคดเคี้ยวไปมาเป็นงูได้มั๊ย มันทำให้ฉันรู้สึกคลื่นใส้” ฉันเอ่ยขึ้น พร้อมกับ ขมวดคิ้ว เเละย่นจมูก พยายามที่จะฝืนอาการคลื่นเหียน พะอืดพะอม อาหารเที่ยงที่อยู่ในกระเพาะของฉัน เริ่มค่อยๆทยอยตีขึ้นมาจากกระเพาะ

 

 

 

 

 

“ก็ได้ ก็ได้ เซบัสเตียน โทษที รถคันนี้ฉันเพิ่งได้มาใหม่ กว่าจะเก็บเงินซื้อได้ ไม่ง่ายเลยนะรู้เปล่า ฉันต้องทำงานที่ร้านคาเฟ่ ใกล้บ้าน เหนื่อยเเทบตาย” คริส อีเเวนส์​ยังคงบ่น ต่อไป ขณะที่กำลังขับรถ “ฟิลิป พ่อเเม่นายทำอาชีพขายไวน์องุ่นจริงเหรอ หรือว่าทำอาชีพอย่างอื่นด้วยน่ะ หืม”

 

 

 

 

 

 

“นั่นฉันคงบอกอะไรมากไม่ได้หรอกนะ แต่เท่าที่รู้คือไวน์องุ่นของพ่อฉัน ไม่ค่อยเหมือนกับของที่อื่น” ฟิลิปเอ่ยขึ้น

 

 

 

 

“ว้า ดูท่าจะน่าสนใจดีนะ ฟิลิป เเล้วเเม่นายล่ะ”

 

 

 

 

“เเม่ฉันมักจะอยู่ในสวน หรือไม่ก็อยู่บ้าน พ่อฉันค่อนข้างจะรักเเม่มาก”

 

 

 

 

“พ่อเเม่นาย ใช่ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ กับ เจมส์​ แม็คอะวอยป่ะ ได้ยินชาวบ้าน เเถวนี้มักจะพูดคุยกันบ่อยๆ อีกอย่างพวกเขาค่อนข้างจะกลัวพ่อนาย” คริส อีเเวนส์ ถามฟิลิป

 

 

 

 

 

“ใช่ พวกเขากลัวพ่อฉัน ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เเม้เเต่เด็กนักเรียนที่มหาลัย ไม่มีใครกล้ารังเเกฉัน พ่อฉันอาจดูเหมือนคนใจดี เเต่จริงๆเเล้วเนี่ย นายยังไม่รู้ว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ตอนที่เขาโกรธ”

 

 

 

 

 

“เเล้วลีล่ะ เซบัสเตียน ช่วงนี้เขาไม่ได้เข้าเรียนที่มหาลัย มาหลายวันเเล้วนะ” คริส หันมาถามฉัน เนื่องจากฉันกับลี เป็นเพื่อนสนิท ที่ซี้ปึ๊ก ยังกับอะไรเเน่ะ เวลากลับบ้าน มักจะกลับด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา

 

 

 

“คริส สัญญาได้มั๊ยว่าถ้าฉันบอกนายเเล้ว นายจะไม่ร้องตะโกนเสียงดัง” ฉันหันมาถามคริส พยายามจะฝืนอาการ คลื่นเหียน ภายใน สีหน้าของฉันเริ่มดูไม่ค่อยดี มากเท่าไหร่

 

 

 

 

“ได้สิ เซบัสเตียน เกิดอะไรขึ้นกับลีกันเเน่ล่ะ”

 

 

 

 

“คือว่า เมื่อวานนี้ ลีโทรมาบอกฉัน ว่าเขาท้อง”

 

 

 

 

 

“หา อะไรนะ ลีเนี่ยนะ ท้อง?” คริส อีเเวนส์​ เลียม เฮมส์เวิร์ด กับฟิลิป พูดประสานเสียง พร้อมกัน

 

 

 

 

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่งั้นเขาจะโทรมาเเจ้ง ลาหยุด เรียนกับฉันทำไมกัน ทั้งที่ปรกติเขาไม่ค่อยจะป่วยง่ายขนาดนี้ อืม ขอโทษทีนะ ฉันพูดมากไม่ค่อยได้ เดี๋ยวจะ อืม” ฉันกลึนน้ำลายไปพูดไปด้วย พยายามที่จะสูดลมหายใจให้เข้าปอด ตายเเล้ว นี่ฉันคงจะไม่ได้เป็นเหมือนลีอีกคนนึงนะ

 

 

 

 

 

*

 

 

 

 

พอคริส อีเเวนส์ ขับรถมาจอดถึงหน้าบ้าน คฤหาสถ์หลังหนึ่ง ภายนอกมีเจ้ากากอลย์ สองตัว ที่มีใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ดวงตาเป็นไฟสีเเดงสว่าง จ้าตอนกลางคืน เวลากลางวันจะดูปรกติ ธรรมดาๆ เเต่ตอนกลางคืน มันจะทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศ ชวนขนหัวลุก และเเล้วประตูบ้านเปิดเอง อัตโนมัติ ราวกับรู้ว่า มีเเขกเดินเข้ามาในบ้าน ข้างล่างมีควันประหลาด สีเขียว บ้านคฤหาสถ์หลังนี้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย เหมือนเดินเข้ามาในบ้านผีสิง เเต่ทว่าภายในกลับดูหรูหรา เหมือนอยู่ในพระราชวัง ทันใดนั้นเอง เจ้าเเฟรงเกนสไตน์ ซึ่งเป็นพ่อบ้าน ในคฤหาสถ์หลังนี้ ได้พาพวกเรา เดินทัวร์รอบบ้าน เพื่อรอเจ้าของบ้าน ฉันยืนจ้องมองดู ภาพวาดคลาสิคที่เเขวนอยู่บนฝาผนัง เเละมีโคมไฟเล็กๆ ฉายอยู่บน ภาพวาดคลาสิค เหล่านั้น ชายหนุ่มในรูปภาพคลาสิค แต่ละภาพเป็นคนเดียวกัน มีมาตั้งเเต่สมัยยุคทิวดอร์ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเจ้าของบ้าน ได้อ้างว่า เป็นบรรพบุรุษของเขา ทั้งที่จริงๆ ก็คือตัวเขาเอง นั่นเเหล่ะ

 

 

 

 

 

“นั่นพ่อเเม่ของฉันเอง” ฟิลิปเอยขึ้น เขาสามารถอ่านใจฉันได้ โดยที่ฉันไม่ได้เอยปากพูดอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ

 

 

 

 

 

“พ่อเเม่ของนาย?”

 

 

 

 

 

 

“ใช่ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ กับ เจมส์ เเม็คอะวอย พ่อเเม่ของฉันเอง” ฟิลิปพูดไป พร้อมกับชี้ให้ฉันดู ว่าใครเป็นใคร ฉันมองดู ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ดวงตาของเขาที่ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา กลับดูเหมือนกับดวงตาเเมว เเละข้างหลังของเขา มีปีกค้างคาว แต่พอฉันหันไปมองอีกรอบหนึ่ง เป็นเเค่ภาพวาดปรกติ ไม่มีอะไร เเต่พอมองดูชายหนุ่มร่างเล็กอีกคน ที่ยืนใกล้ๆไมเคิล เขากลับมีออร่า เเสงสีเขียวอ่อนสว่าง ทำให้ฉันรู้ว่าเขาเป็น เเฟร์รี่ เขามีนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล กับผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม ครั้งเเรกที่ฟิลิปพาพวกเรา เข้ามาในบ้านคฤหาสถ์หลังนี้ ไม่ใช่เเค่มาติวหนังสือ ก่อนสอบอย่างเดียว เขายังชวนพวกเรา มาดูสวนองุ่น ทำไวน์ ที่ปลูกอยู่ทางด้านหลังบ้าน องุ่นเป็นพันธ์ไม้เลื้อยที่พันล้อมรอบ ไม้ที่ปักอยู่บนพื้นดิน ด้านหลัง มีโรงงานผลิตไวน์ คริส อีเเวนส์ มักจะมาเดินเล่นเเถวนี้บ่อยๆ สาเหตุคงไม่ใช่เพราะติดใจรสชาติไวน์ เเต่เพราะว่าเขาอยากเจอ เเฟร์รี่หนุ่มชาวสก็อต

 

 

 

 

“เซบัสเตียน นายไม่เป็นไรนะ” เลียมถามฉัน ด้วยความเป็นห่วง

 

 

 

 

 

“ฉันไม่เป็นไรหรอกเลียม ขอบคุณนะ” ฉันหันไปพูดคุยกับเลียม เเต่ทว่า คริส อีเเวนส์ เริ่มหันมามองหน้าฉัน ด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ ที่ฉันไปสนิทสนมกับเลียม เฮมส์เวิร์ด มากเกินไป แต่ขอโทษทีเถอะนะ เลียม กับ ฉัน เราเป็นเเค่เพื่อนสนิทกัน อีกอย่าง ตอนนี้เลียม เริ่มจะหลงเสน่ห์​ฟิลิป เด็กหนุ่มหน้าสวย ชาวเยอร์มัน ระหว่างทางมีเหล่าคนงาน เก็บองุ่น ในสวน ใส่ลงในตะกร้า เพื่อเตรียมเอาเข้าโรงงานผลิตไวน์ หลังจากนั้น ฟิลิปพาพวกเรา เข้าไปข้างในบ้านคฤหาสถ์หลังใหญ่ สไตล์ยุโรป ที่นั่งบาร์ ภายในเป็นพื้นหินอ่อน กับมีเก้าอี้นั่งอยู่ติดกับโต๊ะ ข้างหลังมีเเก้วเหล้า หลากหลายชนิด มีทั้ง วิสกี้ ว็อดก้า ไวน์ เเละเเก้วไวน์ วางอยู่ที่ชั้นวางเเก้ว ทันใดนั้นเอง ฉันเห็นเด็กหนุ่มหน้าสวย ร่างเล็ก นั่งจิบไวน์ ด้วยกันกับ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ อีกคน พวกเขาสวมชุดสูท เเบบสุภาพบุรุษ คนหนึ่งมีลำเเสงออร่า สว่างๆ อยู่ในตัว กับมีใบหูรูปทรงใบไม้ แต่อีกคนมีดวงตาเหมือนตางู เเละมีปีกค้างคาวอยู่ข้างหลัง นั่นคือร่างจริงของไมเคิล แต่พอฉันสลัดหัวไปมา เเล้วหันมามองอีกครั้ง ภาพพวกนี้ก็หายไป

 

 

 

 

 

“อ้าว ฟิลิป ชวนเพื่อนมาไม่เห็นบอกพ่อเลย” ไมเคิลเอยขึ้น ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เหมือนกับว่า ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะต้อนรับเเขก

 

 

 

 

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ ผมเเค่จะชวนเขามา เที่ยวที่บ้าน”

 

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก พวกเรากำลังจะกลับกันเเล้วล่ะ” ฉันรีบปฏิเสธทันที เพราะเริ่มรู้สึกถึง ความอึดอัด อยู่รอบด้าน

 

 

 

 

“อ้าว ทำไมถึงอยู่ดีๆจะรีบกลับล่ะ เข้ามานั่งด้วยกัน ที่ห้องรับเเขกด้วยกันสิ ช่วงนี้ฉัน ว่าง” ไมเคิลยังคงพยายามจะเอยชวนพวกเรา “เป็นไรเปล่า เซบัสเตียน”

 

 

 

 

“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันเเค่รู้สึกมึนหัวนิดๆ” ฉันรีบปฏิเสธไปทันที ทั้งที่ตอนนี้เขารู้ว่า สีหน้าของฉันดูไม่ค่อยสบาย

 

 

 

 

 

*

 

 

 

 

ฉันนั่งมองดู เพื่อนๆ นั่งจิบไวน์องุ่น ฉันก็เหมือนกัน ทั้งที่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ฉันถึงรู้สึกไม่สบาย อาจเป็นเพราะวันก่อน ฉันโดนวางยา ในงานเลี้ยงปาร์ตี้ ที่มหาวิทยาลัย ตอนที่ไปด้วยกันกับ คริส อีเเวนส์​ เลียม เฮมส์เวิร์ด ด้วยกัน สามคน เเละฉันก็ได้เสียกันกับ คริส อีเเวนส์ ในห้องพัก ของนักศึกษา ขากลับ คริส อีเเวนส์พาฉันกลับไปที่บ้านคฤหาสถ์ ของพ่อฉัน เเฟรง กิลโล ตอนนั้น พ่อของฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี เขาถามฉันว่าเมื่อวานหายไปไหนทั้งวัน แอบไปค้างที่บ้านเพื่อนที่ไหนมา เขาค่อนข้างจะทั้งรักทั้งหวงฉัน ราวกับไข่ในหิน ตั้งเเต่ตอนที่เเม่ของฉันเสียไป จากอุบัติเหตุ แต่ตอนนั้นฉันไม่ยอมพูดจาอะไรออกมา เพราะฉันรู้ว่าต่อให้พูดเเก้ตัวยังไง พ่อก็ไม่เชื่อฉันอยู่ดี

 

 

 

 

และตอนนั้น ก่อนกลับถึงบ้าน ฉันเเวะไปที่ร้านขายยา เพื่อหยิบปรอทตรวจ ทดสอบ สำหรับคนที่สงสัยว่าตัวเอง ตั้งครรภ์หรือไม่ ก่อนจะจ่ายตังค์ ที่เเคชเชียร์ ตอนที่พวกเราเเวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ส่วน เลียม เฮมส์เวิร์ด กับ คริส อีเเวนส์​เเวะซื้อพวก ขนมขบเคี้ยว ติดไม้ติดมือ มาจากร้านสะดวกซื้อ หลังจากนั้นค่อยขับรถออกจากที่นั่น

 

 

 

 

 

*

 

 

พอกลับถึงบ้าน ฉันรีบเดินเข้าไปที่ห้องนอนของฉัน เเละหยิบกล่องปรอททดสอบครรภ์ เพื่อเช็คดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ฉันได้อ่านดูขั้นตอนการใช้ มันค่อนข้างจะไร้สาระถ้าจะให้ฉัน ฉี่ใส่เจ้าเเท่งประหลาด สีขาว นี่ เเต่เอาไงเอากันล่ะวะ ฉันก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันเเน่ ขณะที่ฉันกำลังนั่งอยู่บนโถส้วม จ้องมองดูเจ้าเเท่งเล็กๆ สีขาวๆ ในมือ มันเริ่มมีขีดหนึ่งขีด ฉันถอนหายใจ อ่า ค่อยยังชั่ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเต่ทว่านี่ต้องใช้เวลา สามนาที เพื่อที่จะเห็นผล แต่เเล้ว ก็มีเส้นอีกขีด สีชมพู ปรากฏมาอีก โอยตายเเล้ว ฉันจะเป็นลม มันเริ่มปรากฏออกมา เป็นสองขีด อยู่ตรงกลาง ฉันรีบสลัดมัน เเต่ไม่ว่าจะพยายามยังไง ผลลัพมันก็เหมือนเดิม งั้นเป็นอันว่า ฉันไม่ได้เมารถ เเต่ฉันท้องเหรอ เเล้วอย่างนี้ ฉันจะไปบอกพ่อฉันยังไงดี

 

 

 

 

 

วันนั้น ฉันรีบโทรหาลีทันที เเละเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง ด้วยความตกใจกลัว ลีกลับบอกให้ฉันใจเย็นๆ เเต่ทำไงได้วะ พ่อฉันจะให้ฉันเอาเด็กออกหรือเปล่า ฉันไม่อยากจะคิดถึงมันเลย เเละฉันก็ไม่พร้อมที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคริส อีเเวนส์ด้วย

 

 

 

 

“นายเพิ่งรู้เหรอ เซบัสเตียน” ลีถามฉัน น้ำเสียงของเขา ค่อนข้างจะเป็นกังวล เเละเป็นห่วง “เเล้ว คริส อีเเวนส์ รู้รึยัง”

 

 

“ฉันไม่กล้าบอกเขาหรอกนะ ลี ฉันกลัว”​

 

 

 

 

“ไม่มีเรื่องอะไรน่าเป็นห่วงหรอกน่า เซบัสเตียน อย่าคิดมากเลย ถ้าพ่อนาย กับ เเฟนนายไม่เลี้ยง ฉันเลี้ยงให้ก็ได้นะ”

 

 

 

“แต่ฉันคิดว่า ฉันไม่เเน่ใจเหมือนกัน พรุ่งนี้ฉันอยากจะไปหาหมอ ตรวจร่างกายอีกครั้งนึง ไม่เเน่เจ้าเเท่งปรอทนี่ อาจตรวจผิดพลาดก็ได้ ใครจะไปรู้”

 

 

 

 

“เเล้วเมื่อตอนเช้า นายมีอาการ คลื่นใส้ อาเจียน ทุกๆ หกโมงเปล่า”

 

 

 

 

ฉันนั่งคิดอยู่นาน กว่าจะตอบออกไปว่า “ใช่ แต่มันเพิ่งเกิดขึ้น เมื่อไม่กี่วัน หลังจากงานปาร์ตี้ที่ มหาวิทยาลัย”

 

 

 

 

“งั้นนายจะให้ฉัน โทรนัดหมอ ทอม ฮิดเดลสตันมั๊ย เพื่อความเเน่ใจ ฉันจะได้โทรไปบอกเขา ล่วงหน้า”

 

“ก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณมากนะลี นายเป็นเพื่อนสนิทที่ดี ที่สุดสำหรับฉัน”

 

 

 

 

 

 

Leave a comment