Kakyoin 1

Kakyoin 1

วันนั้นหลังจากเดินทางมา พักผ่อนที่เมืองมาริโอ โจทาโร่ ชวนผมมาที่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ที่ขึ้นชื่อ ของเมืองนี่ อยู่ในโรงแรมที่ผมพักด้วยกันกับสามี สองคน ในขณะที่ส่งลูกชายมาเรียน ได้ซักเดือนนึง ทาโร่ไม่ค่อยผูกพันธ์กับพ่อแท้ๆของแก เนื่องจากห่างเหินกันเป็นระยะเวลา ตอนแกเด็กๆ ผมมักจะอาบน้ำให้แก เลยสังเกตุเห็น ปานรูปดาวตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของแก เลยนึกถึงโจทาโร่ ปรกติ ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย โจทาโร่ คงไม่เรียกผมมาหรอกนะ แต่นี่คงต้องมีเรื่องอะไรบางอย่าง เกิดขึ้นที่นี่

ผมนั่งด้วยกันกับ สามี และโจทาโร่ ซึ่งกำลัง นั่งอยู่ในคาเฟ่ ดื่ม อ๊าฟเตอร์นูนที และมีขนมหวานฝรั่งเศส กับแซนวิช ชิ้นเล็กๆตั้งอยู่ ที่นี่บรรยากาศดูเหมือนอยู่เมืองนอก ไม่ทันไร โจทาโร่หยิบซองพลาสติก ที่ข้างในมีกระดุม 1 เม็ด สามีของผม แอนโทนิโอเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยดี หลังจากที่เห็นเจ้าเม็ดกระดุม ที่อยู่ในถุงพลาสติค

‘แน่ใจนะว่าได้มาจากโจสุเกะ?’ แอนโทนิโอถาม โจทาโร่ถึงเริ่ม เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกผมฟัง เรื่องที่ว่าโจสุเกะได้กระดุมมายังไง จากใคร

‘อะ อะไรนะ ชิเงจี้ เป็นคนเอาเจ้ากระดุมนั่นให้โจสุเกะ แต่เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่โดนระเบิดของ คิระฆ่าตายไปแล้วเหรอ?’

‘ฉันเกรงว่า เจ้าเด็กคนนั้นดันไปรู้ความลับ ของคิระ คิระเลยเล็งจะเก็บเขาแต่แรก มันก็ไม่แปลกหรอกนะ’ ผมเริ่มนึกย้อนไปถึง ตอนสู้กับดิโอ ก่อนที่จะโดนหมอนี่ฆ่าตายซะก่อน เพราะผมพยายามจะใช้พลังของตัวเอง จับพลังของเขา เพื่อส่งข้อมูลให้ คุณโจสตาร์ และพรรคพวก ดิโอเลยจ้องจะฆ่าผมคนแรก มันก็ไม่ต่างอะไรกับ ชิเงจี้ แต่เจ้าเด็กคนนั้นก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร เลยนี่นา แกแค่สงสัยเลยพยายามจะสิบสวนคิระ แต่หารู้ไม่ว่าหมอนี่ ไม่ใช่วายร้ายธรรมดาๆ

‘มันก็คงใช่ แต่คุณโชคดี ที่ผมช่วยชุบชีวิตคุณไว้ แต่ชิเงจี้ดันไม่ได้โชคดีเหมือนคุณน่ะสิ’ แอนโทนิโอ เอ่ยขึ้น แกสามารถมองเห็นภาพในนิมิตหลังจาก แตะวัตถุหลักฐาน ชิ้นสำคัญ แต่แกก็เตือนเรื่องที่จะไปตามสืบถึงร้านซักเสื้อ ‘นายกับเจ้าหนู โคอิจิ ระวังตัวด้วยนะ ถ้าจะตามสืบถึง ตาคนนี้ หมอนี่ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ตามจับง่ายๆ ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าเขาชื่ออะไร แต่ฉันเห็นแค่ใบหน้า และชุดที่เขาใส่’

‘ขอบคุณมากนะ แอนโทนิโอ คะเคียวอิน ที่ยอมสละเวลามานั่งคุยกับฉัน และ โคอิจิ’ โจทาโร่เอื้อมมือ มาจับมือผม ก่อนจะเดินออกจากร้านคาเฟ่ และเดินทางไปที่ร้านซักเสื้อ

‘จริงๆแล้ว ฉันว่า ฉันรู้ชื่อหมอนี่นะ แต่ฉันไม่บอกโจทาโร่ เพราะเขาต้องรู้ด้วยตัวเขาเอง’ แอนโทนิโอเอ่ยขึ้น โชคดีที่ว่า เจ้าคิระ โยชิคาเกะ ยังไม่เดินเข้ามาในร้านคาเฟ่ ซักพักเราสองคนออกไปนั่งเรือเล่น ที่ทะเล มันทำให้เรานึกถึงบรรยากาศตอนเดินทางด้วยเรือไปที่อียิปต์ ตอนนั้นเราก็เจอศัตรู แถมยังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่แอบขึ้นเรือ มากับพวกเรา หล่อนชื่อแอน คงเป็นตอนนั้นที่ผมเริ่มมีอาการเหมือนคนเมาเรือ ทั้งที่ผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแรงราวกับนักสู้อย่างผม คงไม่มีโอกาสที่จะมานั่งเมาเรือง่ายๆ เพราะตอนนั้นผมตั้งครรภ์อ่อนๆ ลูกของโจทาโร่ ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

‘คะเคียวอิน นายเป็นอะไรมากมั๊ย ถ้าไม่สบายก็นั่งพักก่อนก็ได้นะ’ คุณโจสตาร์ยังคงเป็นห่วงคณะร่วมเดินทาง แกเอายาดมมาให้ดม เพื่อช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะ ดีมี่ว่ามันช่วยได้บ้าง แอนแนะนำให้เอาน้ำขิงมาให้ผมดื่ม ซึ่งมันก็ช่วยให้อาการดีขึ้นมาบ้าง นิดหน่อย

พวกเราไม่ค่อยมีประสบการณ์ที่ดีมากนัก ในการนั่งเรือ พอตอนนั้นเรือดันพังซะก่อน พวกเราเลยต้องมานั่งเรือลำเล็กๆ ตอนกลางคืน เพราะพรรคพวกตาดิโอ มาเล่นงานเรา เหมือนเป็นตัวถ่วงทำให้ภารกิจ ของพวกเราพังซะก่อน แต่ดีที่ว่า ตัวแสตนด์ ของแอนโทนิโอ ทำให้ผมหลับสบายเต็มอิ่ม ในอ้อมแขน ตอนกลางคืนราวกับได้นอนบนเตียงนุ่ม ‘คนท้องน่าจะได้ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่งั้นลูกจะมีร่างกายไม่แข็งแรง’ คุณโจสตาร์เอ่ยขึ้น หลังจากนั้นทุกคนในทีม พยายามปกป้องผมราวกับไข่ในหินไม่ว่า จะมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นก็ตาม

ซึ่งนั่นก็ผ่านมาซัก 15 ปีที่แล้ว ในขณะที่ผมกำลังนอาบแดดในชุด ยูนิฟอร์มแปลกๆ ซึ่งก็คือชุดเสื้อเขียวข้างใน และชุดโคท สีครีม กางเกงขาวยาว และก็สวมรองเท้าสีเขียว ผมยังสวมแว่นกันแดด สีดำอยู่ เนื่องจากเคยผ่านประสบการณ์เลวร้าย ในการสูญเสียการมองเห็น ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์มือถือ แอ๊ปเปิ้ล ที่มีปลอกโทรศัพท์เป็นรูปเชอรี่ ติดอยู่ข้างหลังดังขึ้น ผมเพิ่งนึกออกว่าเคยให้เบอร์มือถือ โคอิจิ ไว้ตอนเจอแกครั้งแรก ผมบอกแกว่า ถ้ามีเรื่องอะไรจะขอความช่วยเหลือ ก็ให้แกโทรเข้าเบอร์มือถือเมื่อไหร่ก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าช่วงที่ผมกำลัง อยู่ในอารมณ์โรแมนติกกับสามี จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

‘ฮัลโหล โคอิจิ ใจเย็นๆ หนูโทรบอกโจสุเกะหรือยัง?’

‘โทรบอกแล้วครับ แกบอกแกกำลังจะมา ผมกลัวจะไม่ทันช่วยคุณ โจทาโร่ ตอนนี้คุณโจทาโร่โดนระเบิดของคิระ เพื่อพยายามจะช่วยผม จากระเบิด’ น้ำเสียงแกดูลนลาน ‘ผมควรจะทำไงดี เพราะตอนนี้ผมทำให้เจ้าระเบิด มันไปอีกทาง ตอนนี้ผมอาจหยุดมันไม่ได้ตลอด อีกไม่นานผมกับ คุณโจทาโร่’

‘ใจเย็นๆ หนูรีบพา โจทาโร่ ออกมาจากที่นั่นก่อน และหาที่ปลอดภัย รอน้าก่อนนะ น้าจะรีบตามไปหาหนู’ ผมบอกเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พอแกได้ยิน แกก็เริ่มสงบลงมานิดนึง และยอมทำตามคำแนะนำของผม ก่อนจะลุกจากเตียงนอนอาบแดด และไปหาแอนโทนิโอ ‘ที่รัก ฉันว่าเราน่าจะเดินทางกลับไปที่มาริโอนะ’

หลังจากนั้น ทันทีที่กลับมาที่ มาริโอ แอนโทนิโอ พาผมไปตรงจุดที่เกิดเหตุ เห็นโจทาโร่ นอนอยู่ ที่พื้น ร่างของเขามีรอยแผลจากระเบิด และโคอิจิ ที่มีรอยแผล ตรงหน้าท้องมีรูโหว๋ ดีมี่ว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่มันก็เหมือนกับจะทำให้ กระตุ้นไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ อียิปต์ตอนสู้กับดิโอ มันค่อนข้างจะกระทบกระเทือนจิตใจ แต่ผมก็ต้องลืมมันไปซะ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นในอดีต

‘คุณแม่ครับ ลุงโจทาโร่ไม่เป็นอะไรมากฮะแม่ เขาเรียกหาแต่คุณแม่อยู่ฮะ’ ทาโร่ตะโกนเรียกผม ซึ่งผมรีบไปหาเขาทันที

‘คะเคียวอิน ในที่สุดก็ถึงตาฉันซะทีสินะ ฉันไม่นึกว่านายจะมาหาฉัน ในตอนที่กำลังใกล้จะ’ โจทาโร่พูดยังไม่ทันขาดคำผมกลับเอื้อมมือไปแตะตรงริมฝีปากของเขา เบาๆ ยังนึกได้ถึงตอนที่ผมยังนอนหมดสติในอ้อมกอดของเขา หลังจากที่หมดลมหายใจ ตอนที่ร่างผมกระเด็นไป ตกอยู่ที่แท๊งค์น้ำ ตอนอยู่ที่อียิปต์ ตอนนั้นผมได้ยินเสียงสะอื้นให้ ของโจทาโร่ซึ่งปรกติแกเป็นคนเข้มแข็ง และไม่เคยหลั่งน้ำตาออกมาให้เห็น ถึงแม้ว่าตอนที่แม่เขาป่วยใกล้ตาย เขาก็ไม่เคยจะร้องไห้ออกมาเลย นอกเสียจากว่าจะมีอะไรมากระทบจิตใจเขา มากจนถึงที่สุด ตอนนั้นคุณโจสตาร์มองหน้า คุณแอนโทนิโอ ก่อนที่เขาจะใช้พลังของแสตนด์ของเขา ที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ มาช่วยทำให้ผมฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

‘ทำใจให้ดีๆนะ โจทาโร่ โจสุเกะ กับพรรคพวกของเขากำลังจะมาถึงอีกไม่นาน เข้มแข็งไว้นะ’ ผมจับมือของเขา รอจนกระทั่งโจสุเกะมา ผมถึงผละออกไป ปล่อยให้เจ้า เครซี่ ไดม่อนทำหน้าที่ของมันเอง และก็ได้ผล ทั้งโคอิจิ กับ โจทาโร่หายดี จากบาดแผลอย่างเมื่อกี้ที่ได้เห็น ก่อนที่พวกเราจะวิ่งตาม มือปริศนา ของคิระ จนมาหยุดอยู่ที่ ร้าน ซินเดอเรลล่าของ ยูคาโกะ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นร่างของ ซึจิ อายะระเบิดไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรหล่อนได้เลย แต่แอนโทนิโอ กอดร่างผมเอาไว้ เพื่อป้องกัน แรงระเบิด ก่อนที่พวกเราจะวิ่งออกไปข้างนอก

‘ไม่เป็นไรนะ คะเคียวอิน’ โจทาโร่กอดผมไว้ ในอ้อมแขน ก่อนจะก้มลงมามองหน้าผม ที่ยังซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา

‘ฉันไม่เป็นไรหรอก โจทาโร่ นายควรจะห่วงโคอิจิมากกว่านะ’ ผมหันไปมอง โคอิจิ ที่ตะโกนเรียกคิระ แต่หมอนั่นคงหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แกคงไม่ยอมให้ใครตามจับแกง่ายๆหรอก ต่อให้โดนตัดมือขาดไปข้างนึงก็เถอะนะ

Leave a comment